ลมหนาวมักหอบเอาความเหงามาให้เราอยู่บ่อย ๆ ซึ่ง ไบรท์ออนไลน์ เชื่อว่า แต่ละคนก็คงจะมีวิธีรับมือกับความเหงาต่างๆ กันไป แต่ดูเหมือนความเหงา ณ ประเทศอังกฤษ จะเป็นวาระแห่งชาติ ทางรัฐบาลจึงได้ก่อตั้งกระทรวงใหม่ขึ้นมา และยังมีเจ้ากระทรวงซึ่งรับหน้าที่ในการบริหารงานต่าง ๆ เกี่ยวกับเรื่องความเหงาอีกด้วย
“กระทรวงความเหงา” ถูกตั้งขึ้นเนื่องจาก 2 นักกฏหมายผู้เป็นแกนนำคนสำคัญของ Jo Cox ส.ส.พรรคแรงงาน ซึ่งเสียชีวิตจากการถูกอาวุธปืนยิง และมีดแทง ที่เมืองเบอร์สตอลล์ เมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ.2559 ได้ไปร้องเรียนกับ Theresa May นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร และหัวหน้าพรรคอนุรัษร์นิยม ถึงเรื่องที่เกิดขึ้น
แน่นอนว่า Theresa May รีบตอบรับเสียงสะท้อนของพวกเขาแทบจะในทันที การตั้งกระทรวงนี้ขึ้นมาก็เพื่อสานต่อ “โครงการคณะกรรมาธิการความเหงา” ของ Jo Cox นั่นเอง โดยพวกเขาระบุว่า ตลอดปี พ.ศ.2560 ที่ผ่านมาได้ยินพ่อแม่ เด็กๆ ผู้พิการ คนดูแลผู้ป่วย ผู้อพยพรวมถึงกลุ่มผู้สูงวัยเล่าถึงประสบการณ์ความเหงาที่พวกเขามีเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ
กระทรวงนี้ก่อตั้งขึ้นเพื่อเป็นหน่วยงานสำหรับรับมือกับความเหงาในหมู่ประชาชนชาวเมืองผู้ดี โดยการจัดสรรบุคลากรและเครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ เช่น การจัดสรรบุคลากรไปช่วยพูดคุยสนทนากับกลุ่มบุคคลที่เป็นกลุ่มเสี่ยงว่าจะมีอารมณ์เหงา อาทิ ผู้สูงอายุ ผู้ที่สูญเสียบุคคลเป็นที่รัก รวมถึงจัดกิจกรรมสันทนาการต่างๆ ขึ้นมา เพื่อเพิ่มทำให้ทุกคนมีความสุข
สำหรับ “เจ้ากระทรวง” จะดำรงตำแหน่งเป็น “รัฐมนตรีว่าการกระทรวงความเหงา (Minister for Loneliness)” ซึ่งได้แก่ “Tracey Crouch” ปัจจุบันเธอดำรงตำแหน่ง “รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกีฬาและประชาสังคม (Minister for Sport and Civil Society)” ดังนั้น จึงไม่ผิดอะไรถ้าเธอจะนั่งเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการ “ควบ” ทั้งสองกระทรวง คือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกีฬาและประชาสังคม และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงความเหงาไปพร้อมๆ กัน
Tracey Crouch ได้ให้สัมภาษณ์กับ The Sunday Times เอาไว้ว่า “จากสถิติของเราแสดงให้เห็นว่าเด็กอายุ 16-24 ปี เป็นช่วงอายุที่เกิดความเหงาขึ้นบ่อยกว่าผู้สูงอายุ เพราะพวกเขามัวแต่ติดอยู่กับสื่อสังคมออนไลน์ ตั้งแต่ฉันเข้ารับตำแหน่งนี้เมื่อช่วงเดือนมกราคม มีอีเมลและจดหมายมากมายส่งมาถึงฉัน ซึ่งเรื่องส่วนใหญ่ก็จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับความรู้สึกขาดบางสิ่งบางอย่าง หรือการที่ไม่มีเพื่อนคอยอยู่ข้าง ๆ ความรู้สึกที่เกิดขึ้นนี้มาจากความไม่สัมพันธ์กันระหว่างความอยากต้องการที่มากเกินตัวเองกับสิ่งที่ตัวเองสามารถหาได้จริง ๆ”
เจ้ากระทรวงได้เปิดเผยถึงกลยุทธ์ใหม่ที่ทางรัฐบาลกำลังวางแผนกันอยู่ว่า “พวกเรามีเป้าหมายต่อไปในการช่วยเหลือพ่อแม่มือใหม่ที่อาจจะมีโอกาสย้ายออกจากบ้านหลังคลอดลูก คนเหล่านี้มีตัวกระตุ้นที่ทำให้รู้สึกว่าอยู่ตัวคนเดียวสูงจนถึงขั้นอาจฆ่าตัวตายได้ด้วย”
เป็นยังไงกันบ้างกับเรื่องราวที่ ไบรท์ออนไลน์ เอามาฝากกัน อย่างที่ทราบกันดีว่า “มนุษย์เป็นสัตว์สังคม” ดังนั้นจึงไม่สามารถอยู่คนเดียวในโลกนี้ได้ เวลามีปัญหาก็ไม่ควรอยู่คนเดียว อาจจะหากิจกรรมอะไรทำอย่างเช่น เที่ยวต่างจังหวัด ฟังเพลง ออกกำลังกาย หรืออาจจะพูดคุยกับคนในครอบครัวก็ได้ หากเรื่องไหนที่รู้สึกว่าไม่สามารถหาทางออกได้ก็ลองปล่อยวางและปลงกับมันเสียก่อน จากนั้นค่อยกลับมาหาทางแก้ไขทีหลัง เพราะยังไงทุกปัญหาย่อมมีทางออกอยู่แล้ว ที่สำคัญที่สุดอย่าลืมหาความสุขใส่ตัวให้มาก ๆ กันด้วยนะจ๊ะ
ขอบคุณข้อมูลจาก : NEWS18