คำพูดที่ว่า “กินมื้อเช้าอย่างราชา มื้อเที่ยงเยี่ยงเจ้าชาย และกินมื้อเย็นราวกับผู้ยากไร้” ของ Adelle Davis นักเขียนและนักโภชนาการชาวอเมริกัน คงจะพอคุ้นหูทุกคนอยู่บ้างนะคะ และขอบอกเลยว่าประโยคนี้ ‘เป็นจริง’ สำหรับทุกคนแบบไม่ต้องสงสัย โดยเฉพาะคุณๆ ที่อยู่ในวัยทำงาน เพราะการกินอาหารอย่างสมดุลทั้งปริมาณและ ‘เวลากิน’ ที่เหมาะสมนั้นมีผลอย่างมากต่อสุขภาพและการลดน้ำหนักของคุณค่ะ
‘Sonia Bakshi’ ผู้ก่อตั้ง DtF (Dance to Fitness) อธิบายว่า การกำหนดเวลามื้ออาหารมีความสำคัญมากกว่าอาหารที่เราทานเสียอีกค่ะ เนื่องจากร่างกายเราคุ้นเคยกับการกินอาหารในบางช่วงเวลาทุกวัน หากขาดอาหารในเวลานั้นร่างกายจะเริ่มสะสมไขมันเพราะต้องการพลังงานมากขึ้นในการทำกิจกรรมต่างๆ โดยเฉพาะมื้อเช้าซึ่งหมายถึงการที่คุณ ‘อดอาหารมาแล้วทั้งคืน’ และร่างกายต้องการพลังงานจากอาหารมื้อนี้ที่สุด
โดยเฉพาะในเด็กและคนที่อายุยังน้อยที่มักข้ามอาหารเช้าเนื่องจากความวุ่นวายของการเตรียมตัวไปทำงาน ไปโรงเรียน ฯลฯ รู้ไว้เลยว่าคุณกำลังเสี่ยงต่อโรคอ้วน โรคเบาหวาน และโรคอื่นๆ เพียงเพราะไม่ยอมกินมื้อเช้านั่นเอง ฉะนั้น ปรับเวลาและนิสัยการกินค่ะ… อาหารเช้ามื้อแรกของวันควรเกิดขึ้นภายใน 2 ชั่วโมงหลังจากตื่นนอน นั่นคือระหว่าง 8-10 โมงเช้านะคะ อ้อ… Bakshi ยังบอกด้วยว่า การข้ามอาหารเช้าไปมักทำให้เราไม่สามารถลดน้ำหนักหรือสร้างสุขภาพที่ดีให้ตัวเองได้ เพราะร่างกายกำลังทำกิจกรรมทั้งหมดในโหมดความอดอยาก ดังนั้น ควรถือหลัก ‘กินในเวลาเดียวกันทุกวัน เพื่อให้สามารถลดน้ำหนักได้ และเป็นสิ่งที่เหมาะสมสำหรับการใช้ชีวิตแต่ละวันไปตลอดชีวิต’ ด้วยค่ะ
อย่างไรก็ตาม ไม่ได้มีการชี้ชัดว่านอกจากมื้อเช้าแล้ว เวลาที่เหมาะสมสำหรับการกินมื้อกลางวันและมื้อค่ำคือช่วงเวลาใด แต่มีข้อมูลจากองค์กร ‘AHA’ ระบุว่า อาหารที่มีแคลอรีอย่างน้อย 210 แคลอรีให้ถือว่าเป็น ‘มื้ออาหาร’ แต่หากต่ำกว่านี้ให้นับเป็น ‘อาหารว่าง’ ดังนั้น ลองสังเกตการกินของตัวเองในแต่ละวัน ก็จะบอกได้ว่าคุณกินและแบ่งเวลาอาหารกลางวันหรืออาหารเย็นอย่างไร
ทั้งนี้ มีคำแนะนำจาก ‘Ritika Sammadar’ หัวหน้านักโภชนาการของ Max Healthcare ว่า โดยปกติร่างกายของคนเราสามารถปรับให้เข้ากับมื้ออาหารได้ตามกำหนดเวลา อาจไม่จำเป็นต้องทำตามเวลาที่กำหนดแต่ต้องคำนึงถึงประเด็นสำคัญบางอย่าง เช่น ควรกินมื้อแรกภายใน 2-3 ชั่วโมงหลังตื่นนอน เพื่อภาวะความไวต่ออินซูลิน (insulin sensitivity) ที่ดีขึ้น กินอาหารกลางวันในอีกประมาณ 4 ชั่วโมงถัดมาเนื่องจากโดยปกติอาหารแต่ละมื้อจะมีระยะเวลาของมันประมาณ 2-4 ชั่วโมงที่จะให้แหล่งพลังงานคงที่แก่ร่างกาย และอย่ากินมื้อเย็นดึกนักเพื่อให้อาหารใช้เวลาย่อยได้เต็มที่ก่อนเราจะเข้านอนนั่นเองค่ะ
ส่วนขนมทานเล่นหรือของขบเคี้ยวนั้น ให้เลือกจำพวกโยเกิร์ตกรีกผสมเบอร์รี่ อัลมอนด์ ผลไม้สด และผัก เพราะไม่เพียงดีต่อระบบการย่อยเท่านั้น แต่ปริมาณคาร์โบไฮเดรต (carbohydrate content) ในอาหารเหล่านี้จะช่วยทำให้คุณอิ่มนานขึ้น การกินจุบจิบก็จะลดลงได้ด้วยค่ะ
อยากให้คิดแบบนี้ค่ะว่า ‘คุณคือสิ่งที่คุณกิน’ ดังนั้น ทำไมไม่ทำให้ตัวเองมีความสุขและมีสุขภาพดีด้วยการกินในเวลาที่เหมาะสมล่ะคะ… น่าจะดีกับตัวคุณเองที่สุดนะ
ที่มา: www.pinkvilla.com
อ่านบทความไลฟ์สไตล์อื่นๆ คลิก
ติดตามข่าวอื่นที่คุณสนใจ คลิก