หลายคนอาจจะสงสัยว่า การที่เราไปสังสรรค์ หรือดื่ม แอลกอฮอล์ เป็นประจำ จะกลายเป็นโรคพิษสุราเรื้อรังได้หรือไม่
ก่อนอื่นเราต้องทำความเข้าใจก่อนว่า โรคพิษสุราเรื้อรัง กับ คนที่เสพติดการดื่มนั้นแตกต่างกัน เพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจนมากขึ้น เรามาดูความแตกต่างระหว่างสองอย่างนี้กัน
โรคพิษสุราเรื้อรัง หรือที่คนทั่วไปรู้จักกันในชื่อ แอลกอฮอล์ลิซึ่ม เกิดจากคนที่ดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณที่มากติดต่อกันเป็นเวลานาน จนไม่สามารถขาดมันได้
ส่วนคนที่เสพติดการดื่ม คือ ชอบสังสรรค์ ดื่มแล้วรู้สึกผ่อนคลาย เป็นการเสพติดเพื่อความสนุกชั่วครั้งชั่วคราว
พิษของ “สุราเรื้อรัง”
ปัจจุบันทางการแพทย์ยังไม่สามารถระบุสาเหตุที่แน่ชัดของโรคนี้ได้ แต่มีการคาดเดาไว้ว่า เมื่อคนเราดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณที่มากเกินพอดีจะส่งผลให้สารเคมีบางตัวที่อยู่ในสมองเปลี่ยนแปลงไป
ทำให้เกิดความสุขตามมา ทำให้เสพติดและดื่นในปริมาณที่มากขึ้น
เรามาดูว่า บุคคลใดที่จัดอยู่ในกลุ่มเสี่ยงต่อโรคพิษสุราเรื้อรัง
– มีปัญหาสุขภาพจิต เช่น โรควิตกกังวล โรคซึมเศร้า หรือโรคจิตเภท
– เผชิญกับแรงกดดัน หรือรู้สึกเครียดเป็นประจำ
– มีความรู้สึกภาคภูมิใจในตัวเองต่ำ
– มีคนในครอบครัวป่วยเป็นโรคพิษสุราเรื้อรัง
– อยู่ในชุมชนที่คนส่วนใหญ่ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ
แล้วถ้าเราไม่ได้อยู่ในกลุ่มเสี่ยงเหล่านี้ แต่ยังสงสัยว่าเราเป็นโรคพิษสุราเรื้อรังหรือไม่ ลองมาสำรวจอาการตัวเองกันดีกว่า ว่าตอนนี้คุณเสพติดแอลกอฮอล์ขั้นไหนกันแล้ว
1.ระยะเริ่มต้น เริ่มหันไปพึ่งแอลกอฮอล์เมื่อต้องเผชิญกับปัญหาเพื่อให้เมา ไม่สามารถจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ หรืออาจมีความรู้สึกหวงแอลกอฮอล์ไม่อยากแบ่งให้ใครดื่ม อยากจะดื่มตลอดเวลา
2.ระยะกลาง ไม่สามารถควบคุมปริมาณการดื่มแอลกอฮอล์ได้ หากอยากเลิกจะต้องใช้ความพยายามอย่างมาก พฤติกรรมเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด อารมณ์จะเริ่มแปรปรวนไม่มั่นคง บางครั้งควบคุมตัวเองไม่ได้
3.ระยะรุนแรง เมื่อขาดสุรา หรือหยุดดื่ม จะมีอาการ เหงื่อออก ตัวสั่น มือสั่น เริ่มหงุดหงิด คลื่นไส้ อาเจียน ร่างกายรู้สึกอ่อนเพลีย หัวใจเริ่มเต้นเร็วมากขึ้น หรือถึงขั้นประสาทหลอน
โรคสุราเรื้อรัง เป็นพิษมากกว่าที่คุณคิด เพราะ สิ่งที่ตามมา คือ โรคทางระบบสมอง ทำให้ความจำเสื่อม จิตหลอน ประสาทหลอน กล้ามเนื้อเริ่มอ่อนแรง และอาจเป็นสาเหตุของโรคซึมเศร้า โรคลมชัก และโรคระแวงสุรา และสุดท้ายนำมาสู่หัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน
แม้ว่าคนเรา จะรู้ถึงโทษ และพิษภัยของการดื่มสุรา แต่ไม่น่าเชื่อว่าปริมาณการดื่มสุรากลับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง นายแพทย์ นิพนธ์ ชินานนท์เวช ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงสถานการณ์คนไทยกับการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ บอกว่า จากข้อมูลการสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติ (วันที่ 11ก.ย.61) พบว่า กลุ่มผู้หญิง และ เด็กที่อายุต่ำกว่า 18ปี เพิ่มมากขึ้นจากร้อยละ 9 เป็นร้อยละ 13 จึงกลายเป็นเป้าหมายของโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
หากมาดูข้อมูลปีที่ผ่านมา ศูนย์วิจัยปัญหาสุรา สานักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ได้เก็บรวบรวมข้อมูลจากประชาชนทั่วไปที่มีอายุ 12 – 65 ปี โดยสุ่มตัวอย่างจาก 16 จังหวัดทุกภูมิภาคทั่วประเทศ รวม 4,074 ตัวอย่าง เฉพาะผู้ที่เคยดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วง 12 เดือน พบว่า เครื่องดื่มที่นิยมมากได้แก่ เบียร์ และเหล้า คิดเป็นร้อยละ 82.6 และ 65.8 ซึ่งเป็นการดื่มแบบประจำ อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง ในสัดส่วนประมาณ 1 ใน 3 หรือร้อยละ 35.5 และ 34.8
โดยสถานที่ซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ซื้อบ่อยที่สุด อันดับแรกคือ ร้านขายของชำ ร้อยละ 35.9 อันดับสอง คือ ร้านสะดวกซื้อ เช่น 7-11 แฟมิลี่มาร์ท ร้อยละ 29.3 อันดับสาม คือ ร้านอาหาร สวนอาหารภัตตาคาร ร้อยละ 11.6
สถิตนักดื่มหน้าใหม่เป็นผู้หญิง และเด็ก เพิ่มมากขึ้น และคาดว่าจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากภาวะสังคมที่มีความเครียดมากขึ้น
จากผลสำรวจ ต้องบอกว่า น่าตกใจอย่างมาก ที่สถิตนักดื่มหน้าใหม่เป็นผู้หญิง และเด็ก เพิ่มมากขึ้น และคาดว่าจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากภาวะสังคมที่มีความเครียดมากขึ้น และ เหล้า ก็หาซื้อง่าย การเลิกเหล้า อาจจะยาก แต่ เรา อาจจะอยู่คู่กับมันโดยไม่ตกเป็นทาสได้แค่ เรารู้จักการดื่มที่เพียงพอ ซึ่งกรมสุขภาพจิต แนะนำว่า มาตรฐานของการดื่มสุรา ผู้ชายไม่ควรดื่มเกิน 4 ดื่มมาตรฐาน/วัน ส่วนผู้หญิงไม่ควรดื่มเกิน 2 ดื่มมาตรฐาน/วัน
แต่ทางเลือกที่ดีที่สุดของคุณ และ ครอบครัว รวมถึงคนรอบข้าง คือ การลด ละ เลิก และคุณว่ารู้ว่า ชีวิตคุณมีค่าแค่ไหน…
เรื่องอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
แค่ขยับ ก็เซฟเงินในกระเป๋าได้เยอะ (คลิป)