จมูกไม่โด่ง รูปหน้าไม่เรียว มุมนี้ก็ไม่ดี มุมไหนก็ไม่โดนใจ ปัญหาคิดเล็กคิดน้อยที่ส่งผลให้คุณอารมณ์เสียในบางเวลา แต่หากถึงขั้นคิดมากจนเป็นกังวล ย้ำคิดย้ำทำ อย่างต่อเนื่องอย่างยาวนาน อาจจะส่งผลให้คุณเป็น “โรคไม่ชอบรูปร่างหน้าตาตัวเอง” หรือที่เรียกว่า Body Dysmorphic Disorder ได้ แล้วโรคนี้คืออะไร ระยะไหนคือเข้าขั้นเกิดโรค เรามาเริ่มทำความเข้าใจไปพร้อม ๆ กันเลยดีกว่า
“โรคไม่ชอบรูปร่างหน้าตาตัวเอง” คือความรู้สึกที่ไม่พึงพอใจในรูปร่างและหน้าตาของตนเองเกินปกติ ซึ่งจัดเป็นอาการป่วยทางจิตเวชที่บางคนเป็นแต่ไม่รู้ตัว อยู่ในกลุ่มโรคย้ำคิดย้ำทำ คือมีอาการคิดซ้ำ ๆ ไม่พอใจ เปรียบเทียบตัวเองกับผู้อื่น และมีพฤติกรรมทำซ้ำ อย่างเช่น ส่องกระจกบ่อยครั้ง ถามผู้อื่นประโยคเดิม ๆ ด้วยความกังวล เป็นเวลาต่อเนื่องยาวนาน (โดยเฉลี่ย 3-8 ชั่วโมงต่อวัน) จนส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน รวมถึงการมีความคิดค้างคาใจที่อยากจะเปลี่ยนแปลงตนเองอยู่ตลอดเวลา มีการผ่าตัดศัลยกรรมซ้ำซาก ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้ถือเป็นอาการป่วยที่ควรได้รับการรักษา ทั้งยังมีความน่าเป็นห่วง เพราะโรคนี้หากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง อาจทำให้เป็นโรคอื่นร่วมได้ โดยเฉพาะโรคซึมเศร้า
โดยปัจจัยที่เกี่ยวข้องของโรคมักมาจากพื้นฐานภายในจิตใจของผู้ป่วย ที่เกิดความรู้สึกมีความไม่มั่นใจในตนเอง รู้สึกไม่มีคุณค่าในตนเอง อาจเกิดจากค่านิยมในครอบครัว ที่ให้ความสำคัญกับรูปร่างหน้าตา หรืออาจเป็นผลมาจากค่านิยมในสังคมและสิ่งแวดล้อมของผู้ป่วย รวมไปถึงความคาดหวังจากผู้อื่นหรือจากสังคมในตัวของผู้ป่วยเอง ทั้งนี้พบว่าผู้ป่วยส่วนมากอยู่ในช่วงอายุ 15-30 ปี เป็นผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย ซึ่งอาจเป็นผลมาจากผู้หญิงมีความละเอียดมากกว่าผู้ชาย จึงใส่ใจตนเองมากกว่า และพบข้อบกพร่องในตนเองมากกว่า
โรคนี้มักจะส่งผลเสียให้ผู้ป่วยมีจิตใจหมกมุ่น ไม่มีสมาธิ จนกระทบต่อการใช้ชีวิต ผลการเรียนแย่ลง หรือประสิทธิภาพในการทำงานลดลง ทำให้คุณภาพชีวิตต่ำลง มีความกังวลเกี่ยวกับรูปร่างหน้าตาตัวเองจนเป็นอุปสรรคในการเข้าสังคม มีความทุกข์ ส่งผลกระทบต่อจิตใจ ซึ่งอย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าอาจนำไปสู่โรคซึมเศร้า ซึ่งเป็นโรคร่วมที่พบบ่อยที่สุด และถ้าหากไม่ได้รับการรักษาจนอาการซึมเศร้ารุนแรง ก็อาจจะนำไปสู่การฆ่าตัวตายได้อีกด้วย
ทั้งนี้เราสามารถสังเกตตนเองและคนรอบข้างได้ว่ามีความคิดหมกมุ่นเกี่ยวกับรูปร่างหน้าตาตัวเองทั้งวันจนไม่เป็นอันทำอะไรหรือไม่ ไม่มีสมาธิ นอนไม่หลับ เครียด หรือเกิดอาการน้อยใจเพราะเรื่องรูปร่างหน้าตาตัวเองหรือเปล่า รวมไปถึงการได้เสียงบ่นจากคนรอบข้างถึงเรื่องรูปร่างหน้าตาของตัวเองให้ฟังอยู่บ่อยครั้งจนรู้สึกว่ามากเกินไป และสุดท้ายการเสพติดศัลยกรรม (ทั้งตนเองและคนรอบข้าง)
เมื่อพบว่าตนเองหรือคนรอบข้างมีอาการดังกล่าว ควรไปพบกับจิตแพทย์ เพราะแพทย์จะมีการดูแลเบื้องต้นตามอาการของผู้ป่วย เพราะหากปล่อยไว้จนเกิดมีโรคอื่นร่วมด้วย โดยเฉพาะโรคซึมเศร้า และไม่ได้รับการรักษาที่ถูกวิธีแล้วล่ะก็ อาการป่วยอาจจะมีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นจนส่งผลอันตรายต่อชีวิตของตนเองและคนรอบข้างในอนาคตได้
ขอบคุณข้อมูลจาก ramachannel