ถ้าบอกว่ากำลังจะชวนคุยเรื่อง ‘ความตาย’ หลายคนอาจมีแอคติ้งยกมือปิดหู เบือนหน้าหนี หรือแอบโวยว่า ‘ฉันไม่คุยเรื่องนี้’ หรือ ‘ฉันยังไม่ได้ทำเรื่องนั้น เรื่องนี้… ยังสิฉันยังตายไม่ได้’ (ก็เป็นได้) แต่สำหรับคนที่จัดระเบียบชีวิตและจิตใจดีแล้ว ‘ความตาย’ ก็อาจเป็นเพียงบทสนทนาปกติธรรมดาอย่างหนึ่งในชีวิตประจำวันเท่านั้น เหมือนที่ ‘Michael Hebb’ นักเขียนชาวอเมริกัน ได้เขียนแนะนำไว้ในหนังสือของเขาว่า การสนทนาเกี่ยวกับความตายและความปรารถนาสุดท้ายในชีวิตของเรา อาจเป็นสิ่งดีที่สุดที่จะเตรียมตัวเองให้ ‘พร้อมรับความตาย’ อย่างเป็นสุข
มาดูกันค่ะว่า 6 เคล็ดลับ พร้อมรับความตายอย่างเป็นสุขของ ‘Hebb’ มีอะไรบ้าง
1. ระลึกไว้เลยว่า…ไม่ว่าอย่างไรเราก็จะต้องตาย
บางครั้งเราก็มีอคติผิดๆ ที่ฝังแน่นค่ะว่าไม่ควรพูดเรื่องความตายเพราะมันจะเป็น ‘ลาง’ ไม่ดี ทั้งที่มันเป็นเรื่องจริงซึ่งทุกคนต้องเผชิญ การไม่พูดถึงอาจทำให้เราไม่รู้จักมันเลย และยิ่งทำให้ความตายเป็นเรื่องน่าหวาดหวั่นมากยิ่งขึ้นยามที่เรารู้สึกว่ามันเกิดขึ้นใกล้ๆ ตัว ดังนั้น จงมีสติ รับรู้ความจริงเกี่ยวกับความตาย และระลึกไว้เสมอค่ะว่านี่คือความจริงที่ต้องเกิดขึ้นกับคุณ
2. พูดถึงตอนนี้เลยก็ได้…อย่ารอช้า
อย่างที่บอกค่ะว่าความตายคือ ‘ความจริง’ สำหรับพวกเราทุกคน ดังนั้น จะดีกว่ามั้ยถ้าเราจะกล้าหาญมากพอที่จะพูดถึงมันในแงมุมของสิ่งที่เราอยากให้เกิดขึ้นในวันที่เราตาย เช่น เตรียมพร้อมอย่างไร อยากตายแบบไหน สบายหรือทรมาน เพราะการคิดและการพูดถึงความตายทำให้คุณสามารถวางแผนได้ว่าต้องการจะมีชีวิตอยู่อย่างไร เมื่อเราสบายใจที่จะพูดถึงความตายก็เสมือนเราได้ปลดแอกจากการที่ถูกความตายกดขี่ไว้ด้วย
3. ความตั้งใจถูกต้อง ก็เดินถูกทาง
Hebb เขียนบอกไว้ว่า60% ของคนในสหราชอาณาจักรไม่ได้จัดการเรื่องเอกสารใดๆ ที่แสดงให้เห็นว่ามีการเตรียมพร้อมรับมือกับความตายของตัวเอง (คน 57% ในอเมริกาก็เช่นกัน) โดยเฉพาะเอกสารที่เกี่ยวข้องกับเรื่องทางกฎหมาย เช่น เอกสารมอบอำนาจการจัดการต่างๆ หรือแม้กระทั่งบุคคลที่จะเป็นตัวแทนหรือผู้รับมอบฉันทะในการดำเนินการจัดการต่างๆ ในวันที่ตัวเราป่วยหนัก หรือไม่สามารถจัดการสิ่งใดๆ เกี่ยวกับตัวเองได้อีกต่อไปแล้ว ดังนั้น การคิดวางแผนเรื่องนี้ไว้ตั้งแต่ตอนนี้ก็ดูเป็นเรื่องที่สำคัญไม่ใช่น้อยเลยนะคะ
4. คิดเรื่องมรดกของคุณ
เรื่อง ‘มรดก’ อาจจะเป็นความกังวลเฉพาะบุคคล หลายคนคิดว่าไม่สำคัญ แต่หลายคนกลับเห็นว่าเป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องจัดการให้เรียบร้อยก่อนตาย ซึ่งถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่มี ‘ทรัพย์สมบัติ’ ก็น่าจะดีหากมีการจัดการมรดกให้เรียบร้อยก่อนจากโลกนี้ไป เพราะไม่อย่างนั้นคนที่อยู่ข้างหลังอาจจะต้องวุ่นวายกับมรดกกองนี้ของคุณพอสมควรเชียวล่ะ
5. เลือกรูปแบบงานศพของตัวเองไว้ได้ด้วย
การระบุสิ่งที่ต้องการในงานศพของตัวเองดูจะเป็นอีกเรื่องที่น่าจะเตรียมไว้ค่ะ เพราะบางทีคนข้างหลังก็อาจกำลังจมอยู่กับความโศกเศร้าจนจัดการอะไรแบบขลุกขลักก็ได้ การระบุความต้องการของตัวเองไว้ก่อนน่าจะช่วยให้ครอบครัวของเรามีแนวทางให้เดินในการจัดการงานในวันสำคัญของคุณก็ได้นะ (อ้อ… แถมยังแอบควบคุมงบประมาณได้ด้วยแหละ)
6. เรื่องความตาย…ใครว่าคุยกับเด็กๆ ไม่ได้
การมีบทสนทนาเกี่ยวกับความตายกับเด็กๆ เป็นเรื่องที่ทำได้ค่ะ ภายใต้เงื่อนไขของวุฒิภาวะและการเปิดใจยอมรับของแต่ละคน ไม่ได้บอกว่าให้จับเด็กๆ มานั่งฟังบรรยายเรื่องความตายนะคะ แต่ให้ค่อยๆ อธิบายให้เขาเรียนรู้และซึมซับด้วยตัวเอง เด็กบางคนก็สามารถเข้าใจเรื่องความตายได้แล้ว เพียงแต่ต้องมีวิธีการพูดและอธิบายให้เข้ารับรู้ได้โดยไม่มีความกังวลหรือหวาดกลัว บางที… การพูดคุยนี้อาจช่วยให้เขาทำใจยอมรับกับการจากไปของคุณหรือคนในครอบครัวได้ง่ายขึ้น แถมยังเป็นตัวกระตุ้นให้เขารู้จักเลือกที่จะใช้ชีวิตอย่างมีสติและไม่ประมาทด้วยค่ะ
‘ความตาย’ เป็นดินแดนที่ไม่มี ‘ผู้เชี่ยวชาญ’ ค่ะ แต่การเตรียมความพร้อมเรื่องนี้นอกจากจะดีสำหรับใจที่เป็นสุขของตัวเองแล้ว ยังอาจช่วยลดความทุกข์ทรมานต่อการจากไปของคุณให้กับบรรดาญาติสนิทมิตรสหายได้ด้วย ซึ่งพอมาถึงตรงนี้ทำให้นึกถึงข้อความหนึ่งที่เคยเห็นผ่านตาทาง Social ว่า ‘คุณร้องไห้ตอนคุณเกิด ในขณะที่คนรอบข้างกำลังยิ้ม ดังนั้น จงมีชีวิตอยู่เพื่อเมื่อตอนคุณตาย คุณจะเป็นคนที่ยิ้ม ในขณะที่คนรอบข้างร้องไห้ให้คุณ’
ที่มา: www.theguardian.com