กลายเป็นกระแสในโลกออนไลน์อีกครั้ง สำหรับ เรื่องฉาวในสภา จากกรณี ส.ส. พรรคพลังประชารัฐ ถูกถ่ายภาพขณะเปิดรูปผู้หญิงเปลือยหน้าอก ในการประชุมการอภิปรายตัดลดงบประมาณประจำปี 2564 ทำให้เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์เป็นอย่างมาก
แต่เหตุการณ์ลักษณะแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นครั้งนี้ครั้งแรก เหล่าสส.ผู้ทรงเกียรติ เคยสร้างวีรกรรมเรื่องฉาวในสภามากมาย
เริ่มจาก ‘เรื่องชกต่อยกันในสภา’ เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2547 การประชุมวุฒิสภาวันนั้นถูกจดจำด้วยภาพเหตุการณ์ พล.ต.อ.ประทิน สันติประภพ ส.ว.กทม. ได้สาวหมัดเข้าที่บริเวณใบหน้าของ นายอดุลย์ วันไชยธนวงศ์ ส.ว.แม่ฮ่องสอน เนื่องจากการอภิปรายสถานการณ์ที่ อ.ตากใบ
ช่วงนั้น การประชุมทีมงานที่นำวุฒิสภากลุ่มหนึ่ง โดย ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ได้เผยแพร่เอกสารสมุดปกเหลือง ‘ความจริงที่ตากใบ’ จนมีการอภิปรายพาดพิงกันไปมา จนถึงตอนหนึ่งการอภิปรายของพล.ต.อ.ประทิน ตอนหนึ่งได้พาดพิงนายอดุลย์ ส่งผลให้นายอดุลย์เดินปรี่เข้าไปหาพล.อ.ประทิน ก่อนที่อดีตผบ.ตร.ใช้มือซ้ายชกไปที่ปากนายอดุลย์ 1 หมัด หมัดขวาบริเวณหน้าอก และบริเวณคางอีก 1 หมัด ก่อนที่ส.ว.อยู่ใกล้เข้ามาแยกตัว 2 คน และเจ้าหน้าที่ได้นำตัวนายอดุลย์ออกจากห้องประชุมไป ขณะที่พล.ต.อ.ประทิน ก็ได้กลับไปนั่งในที่นั่งเดิม
แต่ต่อมา ในวันที่ 8 พฤศจิกายน 2547 พล.ต.อ.ประทิน ได้แสดงความรับผิดชอบจากกรณีดังกล่าวในขั้นต้น ด้วยการลาออกจากคณะกรรมการจริยธรรมของวุฒิสภา
หลังจากจบเรื่องชกต่อยไปแล้ว ก็มาถึงช่วงล่างบ้าง สส. ก็ไม่ใช่ว่าไม่มีแขนขา เมื่อเกิดกรณี การถีบกันกลางสภา! เมื่อในปี 2551 ระหว่างการประชุมสภาผู้แทนราษฎร หลังจากที่ นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ ได้ท้าสมัครพรรคพลังประชาชนกลางห้องประชุม ให้เข้าชื่อถอดถอนหากเห็นว่าการขึ้นเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขัดรัฐธรรมนูญพร้อมทั้งท้าดวลนอกสภา
แต่หลังจากที่อภิปรายเสร็จ นายสมเกียรติ ได้เดินออกจากห้องประชุมมาที่ห้องพักรับรอง ระหว่างนั้นเอง นายการุณ โหสกุล ส.ส.กรุงเทพ พรรคพลังประชาชน เดินเข้ามากระโดดถีบก้นนายสมเกียรติ แต่นายสมเกียรติ หันมาเห็นและเอี้ยวตัวหลบ ทำให้ถูกเพียงเฉียดๆ ก่อนจะตามมาด้วยสารพัดคำด่า ที่ยกมาทั้งสวนสัตว์ เดือนร้อนไปจนถึงผู้บริหารพรรคประชาธิปัตย์ ต้องรับเข้ามาห้ามสงครามมวยของทั้งคู่
และเมื่อไม่นานมานี้ ได้เกินกรณีทะเลาะเล็กน้อย ของนายสิระและเต้มงคลกิตติ์ เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2563 ที่ผ่านมา เมื่อนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ตอบโต้ นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ หลังโพสต์ข้อความเรียกร้องให้ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลาออก โดยระบุว่า “ถึงเวลา พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี คนที่ 29 ต้องเสียสละลาออกเพื่อส่วนรวม ก่อนจะเกิดสงครามกลางเมือง”
และนายสิระ ยังได้กล่าวย้อน นายเต้ มงคลกิตติ์ อีกว่าให้ตักน้ำใส่กะโหลกชะโงกดูเงา ซึ่งทันทีที่นายสิระสัมภาษณ์แบบนั้นออกสื่อ ทำให้นาย เต้ มงคลกิตติ์ โทรหานายสิระทันที แต่อีกฝ่ายไม่รับ นายเต้ มงคลกิตติ์ จึงส่งข้อความไปหาว่า “ถ้าแน่จริงมาเจอกัน” จนนายสิระปิดเครื่องไป นายเต้ มงคลกิตติ์ ก็ยังไม่หยุดตามหา และพูดอีกว่า จะไปดักต่อย แต่นายสิระออกจากอาคารรัฐสภาไปแล้ว
แต่เรื่องในสภาก็ยังไม่จบแค่นั้น เมื่อ นายณัฏฐ์ บรรทัดฐาน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ของพรรคประชาธิปัตย์ ได้เผยภาพโป๊กลางจอโทรทัศน์ในห้องประชุมรัฐสภา แต่ สส. ณัฏฐ์ บรรทัดฐาน ได้ยอมรับเปิดอกแบบลูกผู้ชายว่า ตนได้เปิดรูปดังกล่าวขึ้นเพื่อลบภาพ หลังมีคนส่งมาให้ดูเป็นจำนวนมาก ไม่ได้เอาขึ้นมาดูเพื่อวัตถุประสงค์อื่น
หากพูดถึงสภาซึ่งเป็นสถานที่ที่รวบรวมนักการเมืองรุ่นเล็กรุ่นใหญ่มาอยู่ที่เดียวกัน แต่ก็ยังเกิดกรณี ‘สส.เมา’ เข้ามาร่วมอภิปรายอีกด้วย
เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2555 ซึ่งมีการตั้งข้อสังเกตว่า ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ได้ลุกขึ้นประท้วงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภา โดยขณะอภิปราย มีสีหน้า แดงก่ำ ผิดปกติ
จนทำให้ น.ส.รังสิมา รอดรัศมี ส.ส.สมุทรสงคราม พรรคประชาธิปัตย์ ต้องใช้สิทธิลุกขึ้นประท้วง กลางที่ประชุมว่า “ท่านประธานให้คนเมาประท้วงได้อย่างไร ต้องจับไปตรวจแอลกอฮอล์” ร.ต.อ.เฉลิม จึงตอบกลับไปว่า “ไม่ได้เมาเหล้า แต่เมารัก” จากนั้นคนต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ถึงกรณีดังกล่าว จนในที่สุด ร.ต.อ.เฉลิม สรุปสาเหตุหน้าแดงของตัวเองว่า ป่วยด้วยโรคก้านหูอักเสบ