อาจจะช้าเกินไปหากจะตั้งคำถามว่า E-Sport ควรเป็นกีฬาหรือไม่ แต่คำถามเหล่านี้ก็ยังวนเวียนอยู่ในสังคมไทย แม้ว่า E-Sport จะได้รับการรับรองจาก กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา(กกท.) ให้เป็นกีฬาไปตั้งแต่ปี 2560 เพราะยังมีข้อถกเถียงกันอยู่ไม่เลิกว่า คำจำกัดความของ “กีฬา” คืออะไร และ E-Sport ส่งผลดีหรือผลเสียกันแน่
หลากหลายความเห็นที่มีต่อกระแสข่าวนี้ เรามาทำความรู้จักกันอีกสักครั้งว่า E-Sports คืออะไร ถ้าจะให้ตอบก็เป็น กีฬาอิเล็กทรอนิกส์ชนิดหนึ่ง ที่ถูกพัฒนาจากการเล่นเกมแบบเดิม ๆ ตามการพัฒนาเทคโนโลยี ทำให้ เกม จึงถูกพัฒนาตามโลกที่เปลี่ยนแปลงด้วย E-Sports ก็เป็นหนึ่งในเกมที่ถูกพัฒนาขึ้นมาตามยุคสมัย จากเล่น 1คน ก็เล่นเป็นทีม สิ่งที่ล้ำไปกว่านั้นคือ ผู้เล่นต้องวางแผน วางกลยุทธ์ ซึ่งไม่ต่างการเล่นกีฬาทั่วไป เพียงแต่ E-Sports ไม่มีข้อจำกัดช่วงอายุ-เพศ
ข้อมูลจาก Newzoo ระบุว่า อาเซียนเป็นภูมิภาคที่ E-Sports เติบโตสูงที่สุดในโลก โดยคาดการณ์ว่า ปี 2015-2019 แฟนกีฬา E-Sports จะมีอัตราการเติบโตสูงถึง 36.1% ขณะที่อัตราการเติบโตเฉลี่ยทั่วโลกในช่วงปีเดียวกันอยู่ที่ 19.1% เท่านั้น
นพ.ยงยุทธ วงศ์ภิรมย์ศานติ์ ที่ปรึกษากรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข ได้ออกมาระบุว่า E-Sport เป็นเพียงวาทกรรมของธุรกิจวิดิโอเกม ซึ่งในทางวิชาการ ยังไม่จัดว่าเป็นกีฬา โดยอ้างอิงคำพูดของ “โธมัส บาค” ประธานคณะกรรมการโอลิมปิกสากล (IOC) ว่า “ไอโอซี ยังไม่มีคำตอบว่า E-Sport คือกีฬาอย่างแท้จริงหรือไม่ และไม่มีข้อยุติ เพราะเนื้อหาของเกมมีความรุนแรง ซึ่ง E-Sport ยังตอบคำถามไม่ได้ รวมทั้งยังไม่มีองค์กรใด ๆ ที่ให้การรับรองอย่างแท้จริง เพราะเท่าที่ทราบจะเป็นเรื่องผู้ผลิตเกมมากกว่า”
เหตุผลที่ E-sport ไม่ควรจัดเป็นกีฬา เพราะ เนื้อหาของเกมออนไลน์ ที่นำมาแข่งขันมีความรุนแรง และไม่มีองค์กรกำกับดูแลที่ชัดเจน ต่างกับ“หมากรุก” กับ “บริด์จ” ที่ ไอซีโอ รับรอง เพราะ เป็นกีฬาประเภท Mind Sport หรือกีฬา ที่ต้องใช้ความคิดในการวางแผน
มือโปรแค่ 1 ในล้าน แต่ติดเกมบานตะไท
“ผลเสียคือ เด็กไทยถูกกระแสโฆษณาชวนให้ไปเล่นเกมมากขึ้น เพียง 6 เดือนหลังจากการประกาศให้เกมเป็นกีฬา ปริมาณเด็กที่พ่อแม่พามารักษาอาการติดเกมเพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัว และเด็กที่เล่นเกมในจำนวน 1 ล้านคน มีเพียงแค่ 1 คนเท่านั้น ที่จะกลายเป็นมืออาชีพด้าน E-sport แต่มีเด็กติดเกมเพิ่มขึ้นหลายพันคน สังคมไทยจะต้องหันกลับมาทบทวน E-sport กันใหม่”
สอดรับกับ คณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาเด็กและเยาวชนแห่งชาติ โดย ดร.ธีรารัตน์ พันทวี วงศ์ธนะเอนก ที่ระบุว่า ประเทศไทยรับกระแส E-sports อย่างรวดเร็ว ซึ่งการนำ E-sports มาเป็นกีฬานั้น เกิดจากภาคธุรกิจ มีการโฆษณาเกินจริง โดยไม่ได้คำนึงถึงความเป็นกีฬา และไม่ควรเอาลิขสิทธิ์เกมจากบริษัทใดเข้ามาเกี่ยวข้อง นอกจากนี้ยังใช้เงินรางวัลในการแข่งขันมาเป็นตัว ‘ล่อเด็ก’ ให้เข้าสู่เกม ซึ่งวัยที่เล่นเกมมากสุด คือ 13-18 ปี เป็นวัยที่มีการพัฒนาสมองทำให้ขาดการพัฒนา
“กกท. ให้การรับรอง E-sports เป็นกีฬาเร็วเกินไป ควรกลับมาทบทวน สร้างกติกา และหาทางรับผิดชอบร่วมกัน โดยต้องมีองค์ประกอบ 3 เรื่อง คือ ต้องมีกฎกติกาชัดเจน ต้องไม่นำไปสู่ความรุนแรง และต้องมีคณะกรรมการดูแลหากเกิดการละเมิดข้อตกลง”
ตัดเกรดคนเล่นเกม 3 กลุ่ม
แต่ในมุมมองของสมาคมกีฬาอีสปอร์ตแห่งประเทศไทย ซึ่ง นายสันติ โหลทอง นายกสมาคมกีฬาอีสปอร์ตแห่งประเทศไทย กลับมีความเห็นว่า E-sports ควรจัดอยู่ในประเภทของกีฬา เพราะไม่ว่าจะเป็นการแข่งขันกีฬาหรือเกม ต่างเป็นการแข่งขันเพื่อวัดศักยภาพของมนุษย์ E-sports จึงไม่แตกต่างจากกีฬาประเภทอื่น ๆ
“เราควรแยก เด็กติดเกม เกมเมอร์ และนักกีฬา E-sports ให้ออก เด็กติดเกม คือ เด็กที่ชอบเล่นเกมโดยไม่ได้หาผลประโยชน์จากเกม ซึ่งกลุ่มนี้มีจำนวนมาก จึงทำให้คนทั่วไปมองภาพลักษณ์ของคนเล่นเกมผิดไป แต่ เกมเมอร์ คือ คนชอบเล่นเกม สามารถหารายได้จากเกม แต่ไม่คาดหวังว่าจะเป็นนักกีฬา ส่วน นักกีฬา E-sports คือ กลุ่มคนที่อยากเป็นนักกีฬา อยากมีการแข่งขันที่มีระบบ ระเบียบ มีวินัย เหมือนกีฬาประเภทอื่น ๆ หากเรามองคนทั้งสามกลุ่มอย่างเข้าใจ เราจะทราบได้ทันที ว่าทำไม เกม ควรได้รับการจัดให้เป็นกีฬา”
นายกสมาคมกีฬาอีสปอร์ตฯ บอกด้วยว่า การนำเกมเข้าแข่งขันในเชิงกีฬา จะทำให้เกิดมาตรการควบคุมที่ง่ายขึ้น เพราะต้องมีกรรมการ กฎ กติกา ข้อบังคับ เช่นเดียวกับชนิดกีฬาอื่น ๆ ซึ่งนักกีฬา E-sports ทุกคนต้องมีอายุ 18 ปีขึ้นไป และห้ามใช้สารเสพติดและสารกระตุ้นทุกประเภท
“นักกีฬา-คนติดเกม” อยู่คนละชั้น
ด้าน ดร.ศุภฤกษ์ รักชาติ อาจารย์ประจำคณะวิทยาการการเรียนรู้และศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ให้ความเห็นว่า E-sports อาจให้ความรู้สึกแตกต่างจากกีฬาชนิดอื่น และถูกมองว่าเป็นเกม แต่หากย้อนดูวิถีชีวิตของคนไทย เราอยู่กับเกมมาตลอด มอญซ่อนผ้าก็เป็นเกม เพียงแต่เกมถูกปรับไปตามยุคสมัย
“ส่วนที่บอกว่าการรับรอง E-sports ให้เป็นกีฬา ส่งผลให้เด็กติดเกมมากขึ้น ประสบความสำเร็จน้อยนั้น มันอยู่ที่ว่า เรามองความสำเร็จอยู่ตรงไหน หาก E-sports มีการแข่งขันแพร่หลาย เด็กจะมีโอกาสประสบความสำเร็จในหลายระดับเช่นเดียวกับการแข่งขันกีฬาประเภทอื่น ๆ เช่นกัน”
ดร.ศุภฤกษ์ บอกอีกว่า เด็กติดเกมกับนักกีฬา E-Sports เป็นกลุ่มคน 2 กลุ่ม ที่ไม่สามารถกระโดดข้ามมาหากันได้ เพราะเด็กติดเกมคือ “ผู้ป่วย” ไม่สามารถหยุดเล่นได้ด้วยตนเอง แต่นักกีฬา E-Sports ต้องมีเวลาพักผ่อน ดูแลร่างกาย ฝึกฝนทักษะ และอยู่ภายใต้กฎระเบียบที่ชัดเจน
บทสรุปของ E-Sports เหมือนเหรียญที่มี 2ด้าน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องคงต้องขบคิดให้รอบเพื่อหาทางออกร่วมกัน เพราะสังคมและแนวคิดของเด็กไทย แตกต่างกับแนวคิดของเด็กต่างประเทศ บางครั้งสิ่งที่ได้กลับมาอาจจะได้ไม่คุ้มเสีย