นักเทรด Forex ต้องติดตาม 6 ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญที่กระทบค่าเงิน เพื่อจับจังหวะตลาดและวางแผนกลยุทธ์การเทรดให้ชนะเหนือคู่แข่ง จะมีอะไรบ้าง ติดตามในบทความนี้
การเทรด Forex ไม่ได้เป็นเพียงแค่การดูกราฟเท่านั้น แต่ยังต้องให้ความสำคัญกับปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อค่าเงินในตลาดโลก บทความนี้จะแนะนำให้คุณรู้จักกับ 6 ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญที่เทรดเดอร์ Forex ทุกคนควรจับตามอง พร้อมอธิบายว่าตัวเลขเหล่านี้ส่งผลต่อตลาดอย่างไร และควรนำไปใช้ประกอบการตัดสินใจเทรดอย่างไร
ตัวเลขเศรษฐกิจที่ส่งผลต่อการเทรด Forex
ในแต่ละเดือน มีการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจมากมายจากทั่วโลก แต่ไม่ใช่ทุกตัวที่มีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อตลาด Forex ตัวเลขเศรษฐกิจที่ส่งผลกระทบมากที่สุดมักเป็นตัวเลขที่สะท้อนภาพรวมของเศรษฐกิจ หรือที่ธนาคารกลางใช้ประกอบการตัดสินใจกำหนดนโยบายการเงิน ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อค่าเงิน มาดูกันว่ามีอะไรบ้าง
1. การจ้างงานนอกภาคเกษตร (NFP)
ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตร (Nonfarms Payrolls) หรือที่รู้จักกันในชื่อ NFP เป็นหนึ่งในตัวเลขเศรษฐกิจที่ส่งผลกระทบรุนแรงที่สุดต่อตลาด Forex ตัวเลขนี้จะถูกประกาศในวันศุกร์แรกของทุกเดือน แสดงถึงการจ้างงานที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐอเมริกา ไม่รวมภาคการเกษตร หากตัวเลขออกมาสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ แสดงว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ แข็งแกร่ง มักส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ในทางกลับกัน หากตัวเลขต่ำกว่าคาดการณ์ อาจทำให้ดอลลาร์อ่อนค่าลง
2. ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP)
ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือ GDP เป็นตัวชี้วัดมูลค่ารวมของสินค้าและบริการทั้งหมดที่ผลิตขึ้นในประเทศนั้น ๆ ในช่วงเวลาหนึ่ง โดยทั่วไปจะมีการประกาศเป็นรายไตรมาส ซึ่งตัวเลข GDP มีความสำคัญอย่างมาก เพราะสะท้อนถึงสุขภาพโดยรวมของเศรษฐกิจ การเติบโตของ GDP ที่แข็งแกร่งมักส่งผลให้สกุลเงินของประเทศนั้นแข็งค่าขึ้น และมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ขณะที่การชะลอตัวหรือติดลบอาจทำให้เงินอ่อนค่าลง
3. การว่างงาน (Unemployment Rate)
อัตราการว่างงานเป็นตัวชี้วัดสำคัญอีกตัวหนึ่งที่สะท้อนสภาวะเศรษฐกิจของประเทศ โดยแสดงเป็นเปอร์เซ็นต์ของกำลังแรงงานที่ว่างงานและกำลังหางานทำ อัตราการว่างงานที่สูงบ่งชี้ถึงเศรษฐกิจที่อ่อนแอ ส่งผลให้สกุลเงินอ่อนค่าลง นอกจากนี้ อัตราการว่างงานยังส่งผลต่อตัวเลข GDP โดยเมื่อคนว่างงาน การซื้อสินค้าและบริการก็จะยิ่งลดลงนั่นเอง
4. ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)
ดัชนีราคาผู้บริโภค หรือ CPI เป็นตัวชี้วัดอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งมีความสำคัญมาก เพราะเงินเฟ้อเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่ธนาคารกลางใช้ในการกำหนดนโยบายอัตราดอกเบี้ย โดยทั่วไป หากอัตราเงินเฟ้อสูงเกินเป้าหมาย ธนาคารกลางอาจตัดสินใจขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ ซึ่งมักส่งผลให้สกุลเงินแข็งค่าขึ้น ในทางกลับกัน หากอัตราเงินเฟ้อต่ำเกินไป อาจนำไปสู่การลดอัตราดอกเบี้ย ทำให้สกุลเงินอ่อนค่าลง
5. อัตราดอกเบี้ย (Interest Rates)
การประกาศอัตราดอกเบี้ยโดยธนาคารกลางมีผลกระทบมากต่อตลาด Forex หากธนาคารกลางปรับขึ้นดอกเบี้ย ค่าเงินของประเทศนั้นมักจะแข็งค่าขึ้น เพราะนักลงทุนต้องการถือสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า ในทางกลับกัน หากลดดอกเบี้ย ค่าเงินมักจะอ่อนลง ดังนั้น ควรติดตามปฏิทินการประชุมของธนาคารกลางสำคัญ ๆ เช่น เฟด (Fed) ในสหรัฐฯ, ECB ในยุโรป, BOE ในอังกฤษ และ BOJ ในญี่ปุ่น
6. ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI)
ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ หรือ PMI เป็นตัวชี้วัดกิจกรรมทางเศรษฐกิจในภาคการผลิตและบริการ ค่า PMI มากกว่า 50 บ่งชี้ถึงการขยายตัวของภาคธุรกิจ ส่งผลให้ค่าเงินแข็งค่าขึ้น ขณะที่ค่าต่ำกว่า 50 บ่งชี้ถึงการหดตัว ค่าเงินอาจอ่อนค่าลง เทรดเดอร์ควรให้ความสนใจกับ PMI เพื่อคาดการณ์ทิศทางเศรษฐกิจและค่าเงินในอนาคต
สรุปบทความ
การติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญเป็นสิ่งที่เทรดเดอร์ Forex ไม่ควรมองข้าม ทั้ง NFP, GDP, อัตราการว่างงาน, CPI, อัตราดอกเบี้ย และ PMI ล้วนมีผลกระทบต่อค่าเงิน ดังนั้น การทำความเข้าใจว่าตัวเลขเหล่านี้ส่งผลต่อตลาดอย่างไร และวางแผนกลยุทธ์การเทรดให้สอดคล้องกับการประกาศตัวเลขเหล่านี้ จะช่วยเพิ่มโอกาสประสบความสำเร็จในการเทรด Forex ของคุณ