ICONSIAM (ไอคอนสยาม) | หลังจากที่ประเทศไทยของเราได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ โควิด-19 และได้ทำการล็อคดาวน์ไป ล่าสุดเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2563 ที่ผ่านมา ได้มีการผ่อนปรนมาตรการล็อคดาวน์ อนุญาตให้ร้านต่างๆ รวมไปถึงห้างสรรพสินค้า และศูนย์กาค้าสามารถเปิดให้บริการได้แล้ว Bright Today ได้มีโอกาสพูดคุยกับ คุณ สุพจน์ ชัยวัฒน์ศิริกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอคอนสยาม จำกัด ( ICONSIAM ) ถึงสถานการณ์การณ์ โควิด-19 ที่เกิดขึ้น รวมไปถึงความพร้อมในการเปิดให้บริการของ ICONSIAM แก่ประชาน

ตอนแรกยังไม่เข้าใจว่าโรคนี้จะส่งผลอย่างไร พอเริ่มช่วงประมาณไปปลายเดือนมีนาคมเริ่มมีข่าวว่าโรคนี้มีผลกระทบหนักมากโดยเฉพาะประเทศจีน ซึ่งตอนนั้นความเป็นห่วงของเราก็คือนักท่องเที่ยว เพราะว่านักท่องเที่ยวจีนเข้ามาเที่ยวในประเทศไทยแต่ละปีเยอะมากก็มีความกังวลขึ้นมา ก็เริ่มหาข้อมูลเกิดมาตรการของการป้องกันในเรื่องของสุขอนามัย ตอนนั้นไอคอนสยาม หรือในกลุ่มของ สยามพิวรรธน์ ก็เริ่มที่จะมีการคัดกรอง ต้องพูดเลยว่าเราเป็นศูนย์การค้าแห่งแรกในประเทศไทยที่เริ่มเอาระบบ เทอร์มอลสแกนเนอร์ (Thermal scanner) ที่เป็นการวัดอุณหภูมิร่างกายเหมือนกับการวัดที่สนามบินมาใช้ตั้งแต่แรก เราเร่งเห็นความสำคัญของสุขอนามัยก่อนที่จะมีการปิดศูนย์การค้า มีมาตรการทำความสะอาดการอบโอโซนในระบบปรับอากาศและระบบระบายอากาศ เริ่มมีการให้ความรู้โดยเฉพาะของพนักงาน รวมร้านค้าที่มีมากกว่า 5000-6000 คน ดังนั้นสิ่งแรกที่ทำก่อนก็คือเรื่องของพนักงานทั้งหมด ให้เขามีความเข้าใจแล้วก็ ตื่นตัวแต่ต้องไม่ตื่นตระหนก




เรามีการเตรียมตัวก่อนที่จะเกิดการล็อคดาวน์ แต่ต้องบอกเลยว่าไม่นาน มันแพร่เข้ามาในประเทศไทยเยอะมาก เพราะว่าประเทศไทยเป็นอันดับหนึ่งของนักท่องเที่ยวจีน ดังนั้นมันกลายเป็นจุดสนใจของทั่วโลกทันทีเลยว่า โรคนี้มันน่าจะมาประเทศไทยเยอะมาก เราเตรียมตัวกันไม่ถึงหนึ่งอาทิตย์ในการที่จะบอกว่าจะต้องระดมมาตรการต่างๆ ความคิดต่างๆ ที่ไม่เหมือนเดิม ตอนนั้นยังไม่ได้คิดถึงการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจ แต่ว่าคิดถึงการเปลี่ยนแปลงมาตรการทางสุขอนามัยความปลอดภัย เพราะว่าเรามองว่าเราจะต้องมีความสามารถที่จะต้องทำให้ลูกค้าหรือพนักงานเราที่เข้ามาใช้บริการหรือรับบริการเราได้รับความปลอดภัยสูงสุด จะต้องเปลี่ยนมายด์เซ็ทวิธีคิดใหม่ อย่างการทำความสะอาดราวบันไดเลื่อนทุกๆ 30 นาที เราก็เริ่มจากตรงนั้นง่ายๆ ก่อนเลย ที่จะทำความสะอาดจุดสัมผัสทั้งหมด



เมื่อเกิดการล็อคดาวน์แน่นอนว่าเรื่องของการล็อคดาวน์ก็คือการปิดธุรกิจ ชัตดาวน์ก็คือไม่มีรายได้ ดังนั้นในเรื่องของธุรกิจก็จะกระทบหนักมาก CEO ของเราก็เริ่มที่จะใช้มายเซ็ทใหม่ๆ มันถึงเวลาที่พนักงานหรือผู้บริหารทุกคนที่เกี่ยวข้องจะต้องมีวิธีคิดใหม่ๆ ในเรื่องของความกังวลแน่นอนอยู่แล้วว่าเราก็เกิดความกังวลแต่ว่าเนื่องจากในกลุ่มของสยามพิวรรธน์ ก่อนที่ไอคอนสยามจะเปิดเราอยู่ในเครือเดียวของกลุ่มสยามพิวรรธน์ ก็คือ สยามพารากอน สยามดิสคัฟเวอรี่ สยามเซ็นเตอร์ ซึ่งเราก็ไม่อยากจะพูดว่ามีความชำนาญ แต่ว่าเราเกิดสถานการณ์บ้านเมืองเยอะมาก ตรงแถวราชประสงค์ หรือตรงสยามสแควร์ แถวนั้นก็มีการปิดถนน ดังนั้นการถูก วิกฤติในช่วงเวลาต่างๆ ก็ทำให้เกิดบทเรียน เราจึงเป็นองค์กรหนึ่งที่รู้เรื่องเกี่ยวกับวิธีการปรับตัวให้เข้าสู่สถานการณ์ วิกฤตต่างๆ มันสอนให้เรารู้จัก “ปรับตัว”



เราจะต้องเปลี่ยนทัศนคติในการทำงาน การสื่อสารเป็นสิ่งสำคัญมาก สามารถพูดได้เลยว่า ตั้งแต่เกิดวิกฤตมาไม่เคยมีการตัดเงินเดือน แต่ว่าเราก็ต้องขอความช่วยเหลือจากพนักงานทุกคน ให้ร่วมแรง ร่วมใจ ให้ฝ่าฟันวิกฤตินี้ ต้องบอกว่าพอ ”ทุกครั้งที่มีวิกฤติก็จะเกิดโอกาส” อย่างธุรกิจหลายประเภทก็กลับมาขึ้นมาอย่าง ธุรกิจออนไลน์ ธุรกิจการเดลิเวอรี่ ทุกคนต้องเปลี่ยนหมดไม่ว่าจะเป็น ธุรกิจ หรือแนวคิดการดำรงชีวิต หรือการทำงาน

พอมาตรการผ่อนปรนเกิดขึ้นในระยะที่สอง เราก็จะต้องพูดว่าทุกอย่างมันจะต้องเปลี่ยนไปหมด แต่ที่สำคัญที่เราจะเจอก็คือเรื่องของ Social distancing เป็นสิ่งสำคัญมากเพราะว่าถ้าประชาชนหรือลูกค้าไม่เข้าใจแล้วเข้ามาแล้วยังมีความใช้ชีวิตแบบปกติก็จะเกิดการสุ่มเสี่ยง ในเรื่องของการดูแลสุขอนามัยศูนย์การค้าเราทำตั้งแต่ก่อนปิดและแต่เราทำเข้มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการอบฆ่าเชื้อด้วยโอโซน การอบฆ่าเชื้อด้วยรังสี UVC หรือแม้กระทั่งการพ่นน้ำยาตรงบริเวณฟินคอยของแอร์ สิ่งเหล่านี้ทำอยู่ต่อเนื่องเพื่อที่ในวันนี้ที่เราเปิดขึ้นมา เราก็พร้อมที่จะให้บริการ อย่างท่อน้ำทิ้ง เรามีการฆ่าเชื้อท่อน้ำทิ้งอยู่ตลอดเวลา

ต้องขอขอบคุณลูกค้าทุกท่านที่ยังให้ความไว้วางใจกับไอคอนสยามแล้วก็กลุ่มสยามพิวรรธน์ทั้งหมด ลูกค้าก็คือผู้ที่มีอุปการคุณของเรา แต่อย่างไรก็ตามว่าภาครัฐต้องการอะไรเราก็ต้องเข้าใจ เราก็ต้องช่วยสนับสนุน ดังนั้นเมื่อเขาเริ่มปลดล็อคเราอย่าได้สบายจนกระทั่งลืมสิ่งที่เราทำดีกันมาแล้ว ในเรื่องของโซน สุขสยาม เราช่วยโอท๊อป และธุรกิจเอสเอ็มอี ร้านค้าเล็กๆ ในต่างจังหวัด ให้มาขาย ก็เป็นจุดหนึ่งที่เราสนับสนุนเอสเอ็มอีและโอท๊อป อันนี้ก็ทำให้มีความรู้สึกว่าอย่างน้อยที่พูดไปว่าเราคนไทยต้องเอื้ออาทรต่อกันมีน้ำใจต่อกัน ซึ่งอันนี้สะท้อนกลับไปให้กับพันธมิตรของเราได้รับรู้ว่า เราจะไม่ทิ้งกันในช่วงที่มีปัญหา เพื่อสะท้อนให้เห็นว่า คนไทยสามารถที่จะฝ่าฟันทุกอย่างรวมกันได้