อย่างที่ทราบกันดีว่าในปัจจุบันเรื่องพลังงาน ดูเหมือนเป็นเรื่องที่อ่อนไหวกับโลกของเราเป็นอย่างมาก เพราะถ้าหากเราใช้พลังงานมากขึ้นเรื่อย ๆ ก็มักส่งผลกระทบต่อโลกเพิ่มขึ้น ดังนั้นมนุษย์จึงมีการพัฒนาสิ่งต่าง ๆ ออกมาเพื่อลดการใช้พลังงานบนโลก เช่น การสร้างหุ่นยนต์ พลังงานทดแทน รวมทั้งการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ถึงแม้ว่าที่ผ่านมารถพลังงานไฟฟ้าได้เริ่มเข้ามามีบทบาทกับชีวิตประจำวันให้เราได้เห็นกันบ้างแล้ว แต่รถดังกล่าวส่วนมากมักเป็นรถขนาดเล็ก หรือเป็นรถสปอร์ตสำหรับใช้งานในเมืองเท่านั้น และยังไม่มีใครผลิตรถปิคอัพพลังงานไฟฟ้าออกมา ดังนั้นทางบริษัท Rivian Automotive จึงได้ผลิตรถกระบะพลังงานไฟฟ้ารุ่นใหม่ขึ้นมาเพื่อเอาใจคนรักการผจญภัย ใน ‘Rivian RT1′
Rivian RT1 ได้เปิดตัวแล้วในงาน LA Auto Show เมื่อ 2 วันที่ผ่านมาในประเทศสหรัฐอเมริกา โดยรถรุ่นนี้จัดเป็นรถประเภท Electric Adventure Vehicle ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมทั่วโลก ตอบโจทย์การใช้ชีวิตตามไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ และสามารถขนส่งได้ด้วยพลังงานไฟฟ้า
โครงสร้างตัวรถของ Rivian RT1 ประกอบด้วยตัวถัง Double Cab 4 ประตู รองรับผู้โดยสารผู้ใหญ่ 5 คน ฝากระโปรงหน้าสามารถจุได้ 350 ลิตร แบตเตอรี่ 135 กิโลวัตต์และ 180 กิโลวัตต์ที่มีระยะขับ 400 ไมล์ ท้ายกระบะที่ออกแบบมายาว กว้างพิเศษรองรับการบรรทุกสิ่งของต่าง ๆ อีกทั้งการออกแบบก็ดูทันสมัยราวกับว่าหลุดออกมาจากโลกอนาคต
สมรรถนะของรถคันนี้ผลิตกำลังมาจากมอเตอร์ไฟฟ้า 4 ตัว โดยส่งกำลังมอเตอร์ 1 ตัว ต่อล้อ 1 ล้อ มอเตอร์แต่ละตัวทำกำลังได้ 197 แรงม้า มีกำลังการผลิตรวม 754 แรงม้าและแรงบิด 826 ปอนด์ฟุต 0-60 ไมล์ เพียง 3 วินาที
สำหรับภายในห้องโดยสารประกอบด้วยระบบเชื่อมต่อ อีเธอร์เน็ต (Ethernet) หรือการส่งข้อมูลด้วยความเร็วสูง รวมทั้งการอัพเดทซอฟต์แวร์แบบ OTA (การส่งข้อมูลตรงสู่เครื่องรับสัญญาณ) หน้าจอ Infotainment ขนาด 15.6 นิ้ว มาตราวัดหน้าจอ 12.3 นิ้ว หน้าจอสำหรับผู้โดยสารด้านหลังขนาด 6.8 นิ้ว พร้อมเทคโนโลยีช่วยในการขับขี่ เช่น ระบบขับขี่อัตโนมัติ Level 3 ทำงานด้วยเซ็นเซอร์เรดาร์ Lidar อัลตร้าโซนิค กล้องและระบบนำทาง GPS ความแม่นยำสูง
นอกจากนี้รถกระบะคันนี้ยังมีคุณสมบัติในการขับขี่ได้ทั้งในเมืองและแบบ Off-Road มีราคาเริ่มต้นที่ 61,500 ดอลลาร์ (2 ล้านบาท) เริ่มจำหน่ายในช่วงปลายปี 2020
ขอบคุณข้อมูลจาก grandprix, car250
บทความที่เกี่ยวข้อง
เอาใจสาวกรถคันเล็กกับ “Toyota Passo Moda 2018”
