‘เทศกาลกินเจ‘ ในประเทศไทยจัดยิ่งใหญ่อลังการทุกปี แต่เคยสงสัยไหมว่า แท้จริงแล้ว เทศกาลกินเจ มีต้นกำเนิดมาจากที่ไหน ไบร์ททูเดย์จะพาไปหาคำตอบพร้อมกันค่ะ
เทศกาลกินเจครั้งแรก
หากย้อนกลับไปเมื่อ 194 ปีก่อน หรือประมาณ พ.ศ. 2368-2400 จุดเริ่มต้นที่คนไทยรู้จักกับการกินเจเป็นครั้งแรก เริ่มต้นมาจาก คนจีนจากมณฑลฮกเกี้ยน (ฝูเจี้ยน) แต้จิ๋ว และซัวเถา ที่ได้เดินทางเข้ามาอาศัยอยูในประเทศไทย บริเวณ หมู่บ้านกะทู้ ตำบลกะทู้ จังหวัดภูเก็ต เป็นจำนวนมาก เนื่องจากพื้นที่โดยรอบอุดมสมบูรณ์ไปด้วยแร่ดีบุก จึงทำให้คนจีนอพยพเข้ามาขุดแร่ดีบุกและทำเหมืองแร่กันตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา
และคนจีนกลุ่มนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่นำเอาประเพณี การกินเจ หรือ เจี๊ยะฉ่าย เข้ามาในประเทศไทย งเป็นประเพณีที่ได้รับอิทธิพลมาจากศาสนาเต๋าที่พวกเขานับถือ โดยมีความเชื่อว่า หากมีเหตุเภทภัยอันใดเกิดขึ้น ก็จะแก้เคล็ดด้วยการอัญเชิญเทพเจ้าแต่ละพระองค์ที่ตนนับถือ มาบูชากราบไหว้เพื่อให้คุ้มครองปกป้องรักษาตน พร้อมกับการ ถือศีลกินผัก งดบริโภคเนื้อสัตว์ทุกชนิด งดทำบาปเพื่อหวังให้เภทภัยต่างๆ หายไป โดยมักจะกินเจ 9 วัน เพราะถือว่าเป็นการบูชา 9 เทวกษัตริย์ ที่เชื่อว่าจะมารับเคราะห์หรือเภทภัยต่างๆ แทนมนุษย์
ต้นกำเนิดที่แท้จริงแล้ว พบว่าประเพณีการกินเจ หรือ กินผักงดบริโภคเนื้อสัตว์ทุกชนิด แท้จริงแล้ว กำเนิดมาจากจีน เพียงแต่มีเฉพาะในชุมชนจีนบางมณฑลเท่านั้น เป็นประเพณีที่ชาวจีนกลุ่มเล็กๆ
และในปัจจุบัน ประเพณีถือศีลกินผัก ของชาวจีนที่นับถือลักธิเต๋า ในประเทศจีนบางมณฑลได้สูญหายไปแล้ว แต่กลับมีให้เห็นได้ที่ประเทศไทย
ตำนานเทศกาลกินเจ
เหตุการณ์ที่สะท้อนความเชื่อเกี่ยวกับประเพณีกินผักที่เห็นได้ชัดเจนก็คือ มีตำนานเล่าว่าครั้งหนึ่งมีคณะงิ้วจากประเทศจีน ได้เดินทางมาเปิดการแสดงที่หมู่บ้านกะทู้ของภูเก็ต คณะงิ้วนี้สามารถแสดงอยู่ได้ตลอดปี เนื่องจากเศรษฐกิจของกะทู้ในยุคนั้นมีรายได้ดีมาก หลังจากคณะงิ้วได้เปิดทำการแสดงอยู่ระยะหนึ่ง ได้เกิดมีการเจ็บป่วยเป็นไข้ และจากการเจ็บป่วยครั้งนี้ทำให้คณะงิ้วนึกขึ้นได้ว่าพวกตนไม่ได้ประกอบพิธีเจี๊ยะฉ่าย (กินผัก) ซึ่งเคยปฏิบัติกันมาทุกปีที่เมืองจีน จึงได้ปรึกษาหารือในหมู่คณะ และได้ตกลงกันประกอบพิธีเจี๊ยะฉ่ายขึ้นที่โรงงิ้วนั่นเอง ต่อมาโรคภัยไข้เจ็บก็หายไปหมดสิ้น
เรื่องนี้สร้างความประหลาดใจให้แก่ชุมชนที่อาศัยกะทู้เป็นอันมาก จึงได้สอบถามจากคณะงิ้วและได้คำตอบว่าพวกเขาได้ประกอบพิธีเจี๊ยะฉ่ายแบบย่อๆ เนื่องจากไม่มีผู้รู้และผู้ชำนาญในการจัดประกอบพิธีเจี๊ยะฉ่ายแบบครบถ้วน พวกเขาเพียงแต่สักการะบูชากราบไหว้ขอขมาโทษ ระลึกถึงกิ้วอ๋องต่ายเต่หรือพระราชาธิราชทั้ง 9 พระองค์ตามความเชื่อของลัทธิเต๋านั่นเอง ทั้งนี้ทางกลุ่มคณะงิ้วก็ได้แนะนำและส่งต่อวิธีการไหว้เจ้าและการถือศีลกินผักให้ชาวกะทู้ด้วย
หลังจากชาวจีนและชาวบ้านกะทู้ได้ประกอบพิธีเจี๊ยะฉ่ายได้ประมาณ 2-3 ปี โรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ได้ลดน้อยลงและหายไปในที่สุด ทำให้พวกเขามีความเชื่อและศรัทธาเลื่อมใสในการถือศีลกินผักมากยิ่งขึ้น