“มดลูกโต” เป็นภาวะที่มดลูกขยายตัวมากกว่าปกติ ซึ่งผู้หญิงหลายคนไม่รู้จัก หรือแทบไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน จนทำให้เรามองข้ามไปและไม่ได้สนใจโรคนี้เพราะคนที่เป็นส่วนใหญ่มักไม่แสดงอาการให้เห็นเด่นชัดมากเท่าไร
ปัจจุบันผู้หญิงป่วยด้วยโรคนี้กันค่อนข้างมาก มักพบในคนอายุระหว่าง 30 – 45 ปี โดยเกิดจากหลายสาเหตุหลัก ๆ ได้แก่ เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ คือ การที่เนื้อเยื่อในโพรงมดลูกเจริญหรือแทรกซึมเข้าไปในกล้ามเนื้อมดลูก ทำให้เกิดภาวะอักเสบเรื้อรังจนเกิดพังผืดในชั้นกล้ามเนื้อ สุดท้ายมดลูกเกิดการขยายตัวและหนาขึ้น จนเกิดโรคนี้ขึ้น
ตอนนี้หลายคนอาจจะกังวลเรื่องมดลูกโตกันบ้างแล้ว ไม่รอช้าไบรท์ออนไลน์มีวิธีสังเกตอาการด้วยตัวเองมาฝากกันค่ะ
- คลำบริเวณท้องน้อย : วิธีนี้ให้เราเริ่มคลำบริเวณท้องน้อยเริ่มจากด้านไหนก่อนก็ได้ จะพบก้อนเนื้อขนาดใหญ่ประมาณคนท้อง 3 เดือนได้
- ปัสสาวะบ่อย และชอบปวดหลัง : ถ้าตำแหน่งของมดลูกโตอยู่บริเวณด้านหน้า ก็จะไปกดกระเพาะปัสสาวะทำให้เกิดอาการปัสสาวะถี่ แต่ถ้ามดลูกโตไปทางด้านหลังก็จะไปกดตำแหน่งที่ทำให้ปวดหลัง
- ปวดท้องน้อย ประจำเดือนมามากกว่าปกติ : มีอาการปวดท้องประจำเดือนมากผิดปกติ (เปลี่ยนผ้าอนามัยมากกว่า 2 – 3 แผ่นต่อวัน) และปวดมากขึ้นเรื่อย ๆ มีลิ่มเลือดขนาดใหญ่ออกมาขณะมีประจำเดือน มีอาการคล้ายๆ ตกเลือดขณะมีประจำเดือน ปวดเชิงกรานและช่องท้อง ปวดหน่วงช่องท้อง
สำหรับวิธีการรักษานั้นจะแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการ โดยเริ่มตั้งแต่ การกินยาเพื่อบรรเทาอาการปวด ลดการอักเสบ หรือใช้ยาคุมกำเนิดเพื่อลดอาการปวด และช่วยให้ปริมาณรอบเดือนมาน้อยลง ชะลอการเติบโตของพังผืดในกล้ามเนื้อมดลูก แต่หากมีอาการรุนแรงมากขึ้น จนยาไม่สามารถช่วยได้ จำเป็นต้องเข้ารับการผ่าตัด แต่จะต้องตัดมดลูกทิ้งหรือไม่ขึ้นอยู่ที่การวินิจฉัยของแพทย์ค่ะ
เรื่องเล็ก ๆ ที่หลายคนมองข้ามไป อาจจะเป็นเรื่องใหญ่ได้ในอนาคต หากเราไม่ดูแลตัวเองให้ดีตั้งแต่วันนี้ และที่สำคัญถ้าพบสิ่งปกติกับร่างกาย ไบรท์ออนไลน์แนะนำว่าควรไปพบแพทย์จะดีที่สุดค่ะ
เรื่องอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
ประจำเดือนผิดปกติ เป็นอันตรายมากกว่าที่คุณคิด
