กกต.เตรียมพร้อมจัดเลือกตั้งใน 70 วัน “จรุงสิทย์” ยันรัฐแจกเงินบัตรคนจน เป็นแนวนโยบายแห่งรัฐ ไม่ใช่ทุจริต ปัดชงข้อเสนอใช้ ม.44 แก้พรรคเดียวเบอร์เดียว
วันที่ 13 ธ.ค. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ กกต. เป็นประธานการประชุมเตรียมการจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) โดยมี ผอ.กกต.จังหวัดจากทั่วประเทศเข้าร่วมการประชุม โดยพ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการกกต. กล่าวตอนหนึ่งว่า การจัดประชุมครั้งนี้เพื่อให้ผอ.กกต.จังหวัดมีความพร้อมในการจัดการเลือกตั้ง โดยขณะนี้มีจำนวนมีผู้มีสิทธิเลือกตั้งประมาณ 51 ล้านคน มีหน่วยเลือกตั้งประมาณ 96,000 หน่วย ซึ่งภารกิจแรกที่แต่ละจังหวัดต้องจัดเตรียมคือ ในจังหวัดจะมีหน่วยเลือกตั้งกี่หน่วย ที่ตั้งของหน่วยเลือกตั้งจะอยู่ในตำแหน่งใดบ้าง ซึ่งแต่ละหน่วยจะรองรับผู้มีสิทธิประมาณ 1,000 ราย นอกจากนี้ยังต้องเตรียมจัดทำป้ายไวนิลแนะนำตัวผู้สมัคร แผ่นป้ายขนาดใหญ่ที่จะให้ผู้สมัครแต่ละคนนำป้ายขนาด A3 มาติดประกาศแนะนำตัว
“โดยผอ.กกต.จังหวัดต้องกำหนดสถานที่ติดตั้งให้ชัดเจน เช่น หน้าที่ว่าการอำเภอ หน้าศาลากลางจังหวัด รวมถึงนับจำนวนแผ่นป้ายของผู้สมัครแต่ละคน นอกจากนี้ยังต้องจัดพิมพ์เอกสารแนะนำตัวผู้สมัครในเขตเลือกตั้ง รวมไปถึงนโยบายพรรค และรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีที่พรรคเสนอ นำมารวมเล่มเพื่อส่งให้ถึงทุกครัวเรือนที่มีสิทธิเลือกตั้ง ดังนั้นผอ.กกต.จังหวัดต้องเตรียมความพร้อม เพราะหากกกต.ประกาศให้มีการเลือกตั้งในวันที่ 24 ก.พ. 2562 ก็จะเหลือเวลาอีก 70 วัน”พ.ต.อ.จรุงวิทย์ กล่าว
พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ยังกล่าวถึงการพิจารณารูปแบบบัตรเลือกตั้งว่า ขณะนี้ขั้นตอนยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงานกกต. คาดว่าจะเสนอให้กกต.พิจารณาได้ในสัปดาห์หน้า ทั้งนี้ไม่ว่ากกต.จะมีมติเลือกใช้รูปแบบใด สำนักงาน กกต.ต้องบริหารจัดการให้ได้ อาจให้โรงพิมพ์ที่มีศักยภาพหลายแห่งเข้ามาพูดคุยถึงศักยภาพในการพิมพ์บัตร และการรักษาความปลอดภัยของบัตรเลือกตั้ง โดยให้ความสำคัญสูงสุดกับประเด็นความปลอดภัยของบัตร ส่วนกรณีที่พรรคการเมืองเรียกร้องให้ใช้พรรคเดียวเบอร์เดียวนั้น หากต้องการให้แก้กฎหมายคงต้องใช้เวลา ในส่วนของกกต.ต้องทำให้ดีที่สุดตามกฎหมายที่มีอยู่ ส่วนข้อเสนอที่ให้ใช้ ม.44 แก้กฎหมายเพื่อให้เป็นพรรคเดียวเบอร์เดียวนั้น ไม่ใช่อำนาจของกกต.จึงเป็นประเด็นที่ไกลเกินไปที่จะคิด
เมื่อถามว่า ขณะนี้พรรคการเมืองร้องขอให้กกต.ตรวจสอบนโยบายบัตรสวัสดิการแห่งรัฐของรัฐบาลว่าเป็นการเอื้อต่อพรรคพลังประชารัฐในการหาเสียงหรือไม่ พ.ต.อ.จรุงวิทย์ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นประเด็นข้อกฎหมาย คิดว่าบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เรามองว่าเป็นแนวนโยบายของรัฐ ซึ่งไม่ใช่การทุจริตการเลือกตั้งที่กกต.ต้องเข้าไปตรวจสอบ โดยเชื่อว่าประชาชนสามารถแยกแยะได้ว่าอะไรเป็นการใช้ทรัพยากรของรัฐหรือแนวนโยบายแห่งรัฐ
ส่วนคำถามว่าเมื่อมีพ.ร.ฎ.เลือกตั้งออกมาแล้วพรรคพลังประชารัฐประกาศสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ กกต.จะต้องเข้าไปควบคุมการอนุมัติโครงการของรัฐหรือไม่ พ.ต.อ.จรุงวิทย์ กล่าวว่า ต้องดูข้อกฎหมายก่อน แต่ต้องเข้าใจว่ารัฐบาลชุดนี้ไม่เหมือนรัฐบาลรักษาการหลังการยุบสภา แต่เป็นรัฐบาลในภาวะไม่ปกติและเป็นรัฐบาลในวาระเริ่มแรก แต่หากนำเงินของผู้สมัครไปแจกเพื่อให้มีผลต่อการเลือกตั้ง กกต.ก็จะถือว่าเป็นความผิด
พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ยังกล่าวอีกว่า ขณะนี้กกต.ได้เสนอร่างพ.ร.ฎ.เลือกตั้งให้มีการเลือกตั้งไปยังครม. เพื่อพิจารณาและนำขึ้นทูลเกล้าฯ ซึ่งหากโปรดเกล้าฯในวันที่ 2 ม.ค.2562 ตามที่เสนอก็จะมีการเลือกตั้งในวันที่ 24 ก.พ.2562 และหลังพ.ร.ฎ.เลือกตั้งมีผลใช้บังคับแล้ว กกต.ก็จะกำหนดวันสมัครและวันเลือกตั้ง จากนั้นการหาเสียงของพรรคการเมืองและผู้สมัครก็จะต้องนำมาคิดเป็นค่าใช้จ่าย ซึ่งในการประชุมระหว่างกกต.กับพรรคการเมืองในวันที่ 19 ธ.ค.นี้ นอกจากกกต.จะแจ้งว่าจะสนับสนุนอะไรได้บ้างแล้วก็จะหารือเรื่องค่าใช้จ่ายของผู้สมัครพรรคการเมืองควรเป็นเท่าใด จากเดิม1.5 ล้านบาท จะขยับเป็น 2 ล้าน หรือ2.5 ล้านบาท ร่วมถึงยังมีการหารือเรื่องการหาเสียงทางโซเชียลมีเดียด้วย.