ครม. เห็นชอบร่างแนวทางให้ดาวเทียมต่างชาติเข้ามาให้บริการในไทย พร้อมยึดร่างกม.จัดสรรคลื่นความถี่ฯฉบับใหม่ ให้ กสทช. กำกับดูแล-ให้ใบอนุญาตกิจการ “ดาวเทียวในประเทศ”
เมื่อวันที่ 5 มี.ค. พล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบร่างแนวทางดำเนินการและร่างแนวนโยบายเกี่ยวกับกิจการดาวเทียม 2 ฉบับ ได้แก่ 1.ร่างแนวทางดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกิจการดาวเทียมวงโคจรประจำที่ (GSO) ตามมาตรา 60 ของรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 และ 2.ร่างนโยบายการพิจารณาอนุญาตให้ดาวเทียมต่างชาติให้บริการในประเทศ
สำหรับสาระสำคัญของร่างแนวทางดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกิจการดาวเทียมวงโคจรประจำที่ (GSO) ได้กำหนดแนวทางการอนุญาตให้ผู้ประกอบการไทย ใช้สิทธิข่ายงานดาวเทียมในนามประเทศไทย
โดยหากเป็นข่ายงานดาวเทียมที่มีอยู่เดิมทั้งหมด 21 ข่ายงาน ให้นำข่ายงานดาวเทียมที่ไม่มีการใช้งานตามสัญญาสัมปทานหรือการอนุญาตอื่นใดมาจัดชุด (package) และคัดเลือกผู้ประกอบการไทยตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ราชการกำหนด แต่หากเป็นข่ายงานดาวเทียมใหม่ หากมีผู้ประสงค์จะขอใช้สิทธิ สามารถทำได้โดยแจ้งความประสงค์ต่อ ดส. และเข้าสู่กระบวนการอนุญาตให้ใช้สิทธิต่อไป โดยนำหลักการมาก่อนได้ก่อน (first come, first served)
ส่วนหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการอนุญาตให้ผู้ประกอบการดาวเทียมสื่อสารใช้สิทธิข่ายงานดาวเทียมในนามประเทศไทย รวมทั้งค่าธรรมเนียมการอนุญาตนั้น จะต้องมีเงื่อนไขในการให้สิทธิ
เช่น ส่งเสริมการลงทุนและพัฒนาดาวเทียมโดยคนไทยและเทคโนโลยีของคนไทยเป็นลำดับแรก ,ผู้ประกอบการดาวเทียม ผู้ใช้ช่องสัญญาณดาวเทียมอุปกรณ์และสถานีที่เกี่ยวข้องกับสิทธิการใช้วงโคจรดาวเทียมของไทย จะต้องอยู่ภายใต้กฎหมายและการกำกับดูแลของไทยทุกประการ และต้องปฏิบัติตามกฎหมายด้านความมั่นคงของประเทศ ด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์
และสถานีควบคุมดาวเทียม หรือ Telemetry, Tracking, Command and Monitoring (TTC&M) ต้องตั้งในประทศไทย และต้องอยู่ภายใต้การกำกับดูแลและการควบคุมโดยรัฐบาลไทย เป็นต้น
พล.ท.วีรชน กล่าวว่า ในระหว่างที่ยังไม่ประกาศใช้ร่าง พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) การให้สิทธิเข้าใช้วงโคจรดาวเทียมจำเป็นต้องได้รับการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีในฐานะรัฐ ดังนั้น ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เป็นหน่วยงานที่เสนอขออนุมัติจาก ครม.
ทั้งนี้ เมื่อร่าง พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯมีผลใช้บังคับแล้ว ให้สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ดำเนินการให้เป็นไปตามอำนาจหน้าที่ต่อไป
ส่วนสาระสำคัญของร่างนโยบายการพิจารณาอนุญาตให้ดาวเทียมต่างชาติให้บริการในประเทศนั้น กำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการให้ดาวเทียมต่างชาติเข้ามาให้บริการในประเทศเชิงพาณิชย์ ซึ่งต้องขออนุญาตและปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่สำนักงาน กสทช. ประกาศกำหนด รวมทั้งจะต้องจัดตั้งนิติบุคคลและมีสถานประกอบการในประเทศไทย (Local Presence) และต้องเป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนด
เช่น หากเป็นกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ ต้องมีหุ้นของคนไทยตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ตามพ.ร.บ.กสทช. และต้องปฏิบัติตามกฎหมายที่ห้ามการครอบงำกิจการโดยคนต่างด้าว หากเป็นกิจการโทรคมนาคม ต้องมีหุ้นของคนไทย ตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ตามพ.ร.บ.กิจการโทรคมนาคม และต้องปฏิบัติตามกฎหมายที่ห้ามการครอบงำกิจการโดยคนต่างด้าว เป็นต้น
ขณะที่เงื่อนไขที่ต้องปฏิบัติหลังจากเข้าสู่ตลาดแล้ว เช่น ดาวเทียมต่างชาติและผู้ประกอบการที่ใช้สิทธิการเข้าตลาดต้องเคารพและปฏิบัติตามกฎหมายไทยที่เกี่ยวข้อง ประเทศไทยมีสิทธิกำกับดูแลเรื่องสื่อและเนื้อหา ผู้รับใบอนุญาตต้องระงับการเผยแพร่เนื้อหาเมื่อได้รับแจ้งว่าเนื้อหาขัดกับกฎหมาย และดาวเทียมต่างชาติต้องเคารพและปฏิบัติตามเงื่อนไขของกฎหมายไทยที่เกี่ยวข้องในการกำหนดความรับผิดของตัวกลาง เป็นต้น
นอกจากนี้ ผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมประเภทใดประเภทหนึ่ง ต้องใช้ช่องสัญญาณดาวเทียมต่างชาติเป็นการชั่วคราว (ad hoc) ดำเนินการตามภารกิจข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้ 1.ภารกิจของพระราชวงศ์ 2.ภารกิจเกี่ยวกับภัยพิบัติแห่งชาติ 3.ภารกิจเกี่ยวกับความมั่นคงทางทหาร 4.ภารกิจเกี่ยวกับสาธารณสุขและการศึกษา 5.ภารกิจถ่ายทอดกิจกรรมสำคัญของชาติหรือระหว่างประเทศ
6.ภารกิจเกี่ยวกับความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน 7.ภารกิจซึ่งเป็นนโยบายเร่งด่วนกับรัฐบาล และ8.ภารกิจซึ่งเป็นการให้บริการโทรคมนาคมพื้นฐานโดยทั่วถึงและบริการเพื่อสาธารณะและสังคมที่สอดคล้องกับนโยบายการส่งเสริมและพัฒนาระบบเศรษฐกิจดิจิทัล
พล.ท.วีรชน กล่าวว่า ในระหว่างที่ร่างพ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ ให้กระทรวงดิจิทัลฯ ทำหน้าที่กำกับดูแลตามกฎหมายและนโยบายนี้ไปก่อน และร่าง พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ มีผลมีผลใช้บังคับแล้ว ให้สำนักงาน กสทช. ดำเนินการให้เป็นไปตามอำนาจหน้าที่ต่อไป