มีผู้เสียหายรายหนึ่งร้องขอความเป็นธรรมผ่านโซเชี่ยล หลังตนเองถูกตำรวจทำร้ายร่างกายและบังคับให้รับสารภาพในคดีร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา วอนสื่อมวลชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือด้วย
ผู้ใช้เฟซบุ๊ค ชื่อ “องุ่น จี๊ด”โพสต์ข้อความพร้อมรูปภาพร้องของความเป็นธรรมให้กับลูกชาย สรุปเนื้อหาได้ว่า ลูกชายถูกตำรวจที่เขตสายไหม พาตัวไป สน. ถูกซ้อมตบเตะกระทืบบังคับให้รับสารภาพคดียิงคนตายที่วัดเกาะทั้งๆที่ไม่ได้ทำ สุดท้ายลูกโดนตั้งขอหาร่วมกันฆ่าฯ ขอถามว่าพวกคุณว่าไม่รู้สึกระอายใจบ้างหรือไง จับลูกดิฉันไปซ้อมบังคับให้รับสารภาพ ทั้งๆที่เขาไม่ได้ทำ เพื่อนของผู้เสียชีวิต และคนในซอย พยานในที่เกิดเหตุ ก็มายืนยันกับพวกคุณว่าลูกดิฉันไม่เกี่ยวข้อง แต่ทำไมยังไปทำเขา
ทีมข่าวจึงเดินทางไปพุดคุยกับผู้เสียรายนี้ ชื่อว่า นายเอ็ม โดยเล่าให้ฟังว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อคืนวันที่28เมษายนที่ผ่านมา ตนเองเดินทางไปสังสรรค์ที่บ้านของรุ่นพี่ในซอยพหลโยธิน 54/1 ระหว่างนั้น ตนเองเห็นนายเอกชัย ยินดีวงศ์ หรือ นายซิ่ง ผู้ต้องหาอีกราย ระหว่างนั้น นายซิ่ง ก็มานั่งดื่มสุราใกล้ๆกัน จากนั้น นายซิ่งก็จะขับรถกลับ แต่ภายในซอยแคบมาก นายซิ่ง ได้ถอยรถไปชนกระถางต้นไม้ ตนเองเห็นว่า น่าจะมีอาการเมาสุรา จึงอาสาถอยรถให้ แต่ ระหว่างที่ถอยรถ นายซิ่งก็ใช้ปืนยิงใส่ใครก็ไม่รู้ ได้ยินแต่เสียง จากนั้นนายซิ่งก็วิ่งหนีหายไปโดยที่ทิ้งรถไว้ในที่เกิดเหตุ ตนเองก็ช่วยเหลือผู้ตาย
ต่อมาตำรวจสน. สายไหมเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และเรียกตนเองไปสอบปากคำ ที่ห้องสืบสวนสน. สายไหมโดยมีรองผู้กำกับฝ่ายสืบสวนยศพันตำรวจโทบังคับให้ตนเองรับสารภาพและทำร้ายร่างกาย จากนั้น ก็แจ้งข้อหาตนเอง ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา แล้วขังตัวเองไว้ที่ห้องขังสนสายไหม จนถึงวันที่ 30 เมษายน จากนั้น ก็พาตนเองไปขออำนาจศาลฝากขัง แต่ตนแต่เมื่อตนเองขอยื่นประกัน ศาลก็ให้ประกันตัวออกมา
ต่อมาทีมข่าวได้ลงพื้นที่จุดเกิดเหตุก็พบว่า ถนนในซอยมีความคับแคบและเป็นไปไม่ได้ว่าชนวนเหตุจะมาจากการขับรถปาดหน้ากันตามที่มีข่าวออกไปก่อนหน้านี้ และร่องรอยการแตกของกระถางต้นไม้ก็ปรากฏตามคำบอกเล่าของนายเอ็ม อีกทั้งคนในซอยก็รู้เรื่องนี้ และก็เห็นว่านายเอ็มไม่ได้เป็นคนก่อเหตุ อีกทั้งนายซิ่งก็ไม่ได้มากับนายเอ็มตามสำนวนคดีที่ตำรวจ สน.สายไหมสรุปส่งศาลไป แต่ทำไมตำรวจถึงยัดเยียดข้อกล่าวหาให้กับนายเอ็ม
ขณะที่การตรวจสอบพยานแวดล้อม ทีมข่าวพบข้อสังเกตุก็คือในบริเวณที่เกิดเหตุมีกล้องวงจรปิด 3 ตัว แต่ทั้ง 3 ตัวใช้การไม่ได้ทั้ง 3 ตัว และการลงพื้นที่ของตำรวจก็ไม่เคยมาสอบถามข้อมูลคนในซอยแห่งนี้ แต่กลับมีการสรุปสำนวนคดีโดยใช้ภาพวงจรปิดจากบริเวณปากซอย ที่เห็นนายเอ็มเป็นคนถอยรถของนายซิ่งออกจากซอย ก็เลยทำให้ทางนายเอ็มและคนในครอบครัวต้องออกมาเรียกร้องความเป็นธรรม ซึ่งในช่วงบ่าย ทีมข่าวจะไปสอบถามความคืบหน้าทางคดีกับตำรวจต่อไป
ก่อนหน้านี้ พลตำรวจตรี สมพงษ์ ชิงดวง รอง ผบช.น. บอกกับทีมข่าวไบรท์ทีวีว่า ผู้ต้องหา มีสิทธิ์ให้การอย่างไรก็ได้ แต่ผู้ต้องหาต้องนำพยานหลักฐานมาหักล้างข้อกล่าวหาของเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่คดีนี้ เป็นคดีอุจฉกรรย์และมีผู้เสียชีวิตถึง 2 ศพ ส่วนผู้ต้องหาหนีไปได้ 1 ราย และจับได้ 1 ราย เจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินคดีอย่างตรงไปตรงมา ส่วนที่ผู้ต้องหาอ้างว่า มีตำรวจบังคับให้รับสารภาพและทำร้ายร่างกาย ก็ขอให้ไปแจ้งความร้องทุกข์ได้ที่สน หรือหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องได้เลย