จากกรณีที่ตำรวจภูธรพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา ได้จับกุมตัวนายวินัย (ขอสงวนนามสกุล)อายุ 62 ปี บิดาของ น.ส. เอ นามสมมุติ อายุ 17 ปี หลังจากก่อเหตุข่มขืน น.ส.เอ มาเป็นเวลานานกว่า 4 ปี ซึ่งตำรวจนำตัว นายวินัย ผู้ต้องหาฝากขังยังศาลจังหวัดฉะเชิงเทราไปแล้วนั้น
https://youtu.be/SCqr0d3PGO8
ล่าสุดวันนี้ ( 29 เม.ย.62 )นายบุญธรรม ทองเลิศ ทนายความของ นายอภิชาติ อายุ 27 ปี สามีของ น.ส.เอ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีการผูกข้อมือขอขมาแต่งงานกันเป็นที่เรียบร้อย เดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.สุริยันต์ แก้วพิทูลย์ พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจหลังถูกออกหมายเรียกเพื่อเดินทางเข้าพบ
นายอภิชาติ สามีของ น.ส.เอ เปิดเผยว่า ตนเองได้ไปสู่ขอ น.ส.เอ กับ นายวินัย เนื่องจากมีความรักใคร่ชอบพอกับ น.ส. เอ จนมีการผูกข้อมือขอขมาแต่งงานกันเป็นที่เรียบร้อยตั้งแต่เดือนกุมพาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งในวันงานนายวินัย ก็ไปร่วมงานในฐานะพ่อของเจ้าสาว
ซึ่งทางตนได้เสียค่าสินสอดให้กับทางนายวินัย เป็นจำนวนเงิน 80,000 บาท ที่ผ่านมาไม่เคยทราบเรื่องมาก่อนเลยว่า น.ส.เอ ถูกพ่อแท้ๆข่มขืน ทราบแต่เพียงว่าถูกเฆี่ยนตีอย่างรุนแรง ก็เข้าใจว่าเกิดจากความรักและห่วงลูก จนสุดท้ายตนเองเห็นพฤติกรรมของพ่อ ที่ทำกับภรรยาของตนรุนแรงมากขึ้น จึงตัดสินใจโทรศัพท์พูดคุยกับแม่ของ น.ส.เอ ที่อยู่ประเทศออสเตเลีย จนทราบความจริง ว่านายวินัย พ่อแท้ๆ ได้ข่มขู่ใช้มีดจี้ ข่มขืน น.ส.เอ ซึ่งเป็นลูกแท้ๆ ของตนเอง
ซึ่งตนรู้สึกเสียใจมากและขณะนี้ น.ส.เอ ได้ตั้งท้องแล้วประมาณ 4 เดือน แต่ก็ไม่สามารถพาไปฝากครรภ์ได้ เนื่องจากถูกนายวินัย ผู้เป็นพ่อกีดกันและยึดเอกสารบัตรประชาชนของ น.ส.เอ เอาไว้ ทำให้ญาติของตนทุกข์ใจ เพราะไม่รู้ว่าลูกที่ น.ส.เอ ตั้งท้องนั้นเป็นลูกใคร ส่วนตนเองก็อาจจะต้องโดนคดี เนื่องจากภรรยาของตน อายุยังไม่ถึง 18 ปีบริบูรณ์ จึงเดินทางเข้ามาให้ปากคำในวันนี้
ด้าน นายบุญธรรม ทนายความ เปิดเผยว่า ได้พาลูกความเข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ ในขณะที่พนักงานสอบสวนยังไม่ได้แจ้งขอ้กล่าวหา แต่จะทำการสอบเพิ่มหากเข้าข่ายตามกฏหมายข้อไหน ก็จะดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหา ซึ่งไม่ได้หนักใจ เพราะที่ผ่านมาก็มีกฏหมายรองรับในกรณี พรากผู้เยาว์ไปเป็นสามีภรรยา ที่เกิดจากความยินยอมรักใคร่และยินยอมของผู้ปกครองทั้ง 2 ฝ่าย โดยทำการที่ถูกต้องตามประเพณี ก็จะมีการยกเว้น ส่วนในเรื่องคดีของนายวินัย ทางฝ่ายลูกความตนไม่ขอยุ่ง ให้เป็นไปตามกระบวนการทางกฏหมาย