“ดีดีการบินไทย” เผยบริษัทขาดทุนหนัก 1.15 หมื่นล้านบาท เหตุฝูงบินเก่า ทำให้ค่าซ่อมบำรุงสูง-บริการไม่เต็มประสิทธิภาพ เร่งแผนซื้อเครื่องบินใหม่ 38 ลำไม่เกินปีหน้า
เมื่อวันที่ 1 มี.ค. นายสุเมธ ดำรงชัยธรรม กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (ดีดี) บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า สาเหตุที่ทำให้ผลประกอบการของบริษัทในปี 2561 ขาดทุนสุทธิสูงถึง 11,569 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 451.7% นั้น มีสาเหตุหลักจากเครื่องบินของการบินไทย เป็นเครื่องบินเก่าและมีอายุการใช้งานนาน ทำให้ค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงสูง อีกทั้งยังส่งผลกระทบต่อการหมุนเวียนเครื่องบิน และประสิทธิภาพการให้บริการผู้โดยสาร
ทั้งนี้ หากการบินไทยไม่สามารถจัดหาฝูงบินใหม่ได้ทดแทนฝูงบินเก่าได้ บริษัทจะไม่สามารถหลุดพ้นจากวงจรนี้ได้ ส่วนแผนการจัดฝูงบินใหม่ 38 ลำ มูลค่า 2 แสนล้านบาทนั้น จะเร่งรัดผลักดันให้ทันปีนี้หรือปีหน้า ขณะนี้เรื่องอยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หากบอร์ดสศช.เห็นชอบ ก็จะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติต่อไป แต่ในระหว่างที่รอเครื่องบินใหม่ การบินไทยจะเช่าเครื่องบินมาใช้งานไปก่อน
ขณะเดียวกัน การบินไทยจะหารือกับบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. , บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (บวท.) และไทยกรุ๊ป เพื่อบูรณาการการทำงานร่วมกันในการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของการบินไทย รวมถึงการพัฒนาโครงสร้างการบริการครบวงจรจากภาคพื้นสู่อากาศ ซึ่งจะทำให้การบริการของสายการบินไทยให้ลื่นไหล ต่อเนื่อง และตรงกับความต้องการลูกค้า
นายสุเมธ กล่าวว่า ส่วนราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นและกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทนั้น จะมีการบริหารจัดการความเสี่ยงทั้งราคาน้ำมันและอัตราแลกเปลี่ยนที่มีการใช้กว่า 50 สกุลเงิน โดยเฉพาะหากราคาน้ำมันเพิ่มขึ้นก็จะต้องไปสะท้อนที่ค่าโดยสาร นอกจากนี้ ในฐานะสายการบินแห่งชาติ การบินไทยจะปรับปรุงการบริการให้เป็นเลิศ และเพิ่มการบริการในช่องทางดิจิทัลแพลตฟอร์ม ซึ่งจะช่วยให้ผลประกอบการดีขึ้น
นายสุเมธ ยังระบุว่า วันนี้ (1 ก.พ.) บอร์ดการบินไทยมีมติเห็นชอบให้เสนอที่ประชุมใหญ่สามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2562 วันที่ 1 เม.ย.นี้ เพื่อขออนุมัติให้โอนทุนสำรองตามกฎหมาย 2,691 ล้านบาท และเงินสำรองที่เกิดจากส่วนล้ำมูลค่าหุ้น 25,545 ล้านบาท ไปชดเชยผลขาดทุนสะสมในงบการเงินเฉพาะกิจการจำนวน 28,000 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้ผลขาดทุนสะสมของบริษัทลดลงเหลือ 296 ล้านบาท และหากบริษัทมีกำไรเกิน 300 ล้านบาทก็จะจ่ายปันผลได้ทันที
ส่วนความคืบหน้าการจัดส่งผู้โดยสารของสายการบินไทยที่ตกค้างที่สนามบิน เนื่องจากการปิดน่านฟ้าของปากีสถานนั้น นายสุเมธ กล่าวว่า ล่าสุดเหลือผู้โดยสารตกค้างอยู่ 2,000 คน และเนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงไฮซีซั่น ทำให้เที่ยวบินที่บินไปยุโรปเต็มเก็บทุกเที่ยวบิน จึงคาดว่าจัดส่งผู้โดยสารไปถึงจุดหมายเสร็จเรียบร้อยภายใน 2-3 วัน ขณะที่การบินไทยได้ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่องเพื่อแก้ไขสถานการณ์ดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม ในระหว่างนี้ฝ่ายบริการภาคพื้นได้เพิ่มมาตรการการดูแลพิเศษแก่ผู้โดยสารที่ตกค้าง ได้แก่ เพิ่มพื้นที่ในการให้บริการ พร้อมการบริการอาหาร ของว่าง เครื่องดื่ม และจัดเจ้าหน้าที่คอยตอบข้อซักถามให้ข้อมูลเกี่ยวกับการเดินทางแก่ผู้โดยสาร รวมทั้งเปิดเคาน์เตอร์เช็คอินสำหรับให้บริการผู้โดยสารที่ตกค้าง เช่น ให้ข้อมูลเที่ยวบิน ทำการสำรองที่นั่งใหม่ให้แก่ผู้โดยสาร และเคาน์เตอร์สำหรับเที่ยวบินพิเศษในช่วงเที่ยวบินกลางวัน