คืบหน้าคดีของแก๊งแอบอ้างเป็นเจ้ารัฐมอญปลอม ที่หลอกลวงให้บริษัทเข้าร่วมลงทุนสัมปทานโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ในประเทศเมียนมา จำนวน 78 โครงการ ความเสียหายหลายร้อยล้านบาท รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ นำกำลังเข้าบุกค้นบริษัทที่เป็นเครือข่ายที่เป็นจุดเริ่มต้นของขบวนการนี้ พร้อมยึดเอกสารสัมปทานก่อสร้างลวงโลกอีกจำนวนมาก
พันตำรวจตรีสุริยา สิหกมล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบัญชาการสอบสวนกลาง ตำรวจกองปราบปราม สันติบาล และทหารเข้าตรวจค้นอาคารเลขที่ 65 หมู่ 4 ถนนสายไหม แขวงสายไหม เขตสายไหม กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นที่ตั้งของบริษัทเอสวี ลิสซิ่ง จำกัด และบริษัทในเครือข่ายอีกหลายบริษัทที่มีความเชื่อมโยงกับแก๊งเจ้ารัฐมอญปลอม
พันตำรวจตรีสุริยา เปิดเผยว่า จากพยานหลักฐานที่มีอยู่สามารถเชื่อมโยงได้ว่า บริษัทแห่งนี้ เป็นจุดเริ่มต้นที่อุปโลกตัวของเจ้าเทพโยธิน มหาทุน ขึ้นมา รวมถึงเป็นที่เก็บเอกสารเกี่ยวกับการลงทุนสัมปทานโครงการก่อสร้างของรัญมอญในประเทศเมียมา ซึ่งจากการตรวจค้นภายในบริษัทพบเอกสารที่อ้างว่าที่จะทำโครงการในรัฐมอญ และสอดคล้องกับเอกสารที่ได้จากบริษัท ฮัจยี กรุ๊ป ทั้งสิ้น 78 โครงการ โดยทางดีเอสไอจะนำเอกสารที่ได้ไปตรวจสอบอย่างละเอียดว่ามีความเชื่อมโยงจริงหรือไม่ รวมถึงจะสืบสวนเพื่อหาตัวผู้กระทำผิดทุกคนในเครือข่ายนี้ด้วย
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังพบสมุดที่จดบันทึกรายการจ่ายเงินในการเคลียร์คดีต่างๆที่บริษัทแห่งนี้ได้จ่ายให้กับหน่วยงานภาครัฐเป็นรายเดือน เพื่อยุติธรรมการดำเนินคดีข้อหาฉ้อโกง ตั้งแต่ปี 2556 จนถึงปัจจุบันอีกด้วย
ด้านด็อกเตอร์ หงสราช รอดเรือง เจ้าของบริษัทเอสวี ลิสซิ่ง จำกัด และบริษัทในเครือ เปิดเผยว่า บริษัทของเราไม่ได้มีส่วนในการหลอกลวงให้เข้ามาร่วมลงทุนสัมปทานโครงการก่อสร้างฯ แต่ตัวของเจ้าเทพโยธิน มหาทุน ได้เข้ามาติดต่อกับตนเองโดยตรง พร้อมบอกว่าสามารถต่อรองกับรัฐบาลเมียนมาในการก่อสร้างได้ ซึ่งเราก็ได้ทำการตรวจสอบข้อมูลแล้วก็พบว่าเจ้าเทพโยธิน มหาทุน มาแอบอ้างจึงได้ทำการยกเลิกสัญญาไป พร้อมขอย้ำว่าเราไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆทั้งสิ้น
สำหรับภายในบริษัทแห่งนี้ มีการนำธงและสัญลักษณ์ต่างๆที่เกี่ยวกับรัฐมอญมาประดับไว้ทั่วอาคาร รวมถึงยังมีภาพที่เคยถ่ายร่วมกับผู้ใหญ่ของบ้านเมืองอีกจำนวนมาก