สัญญาน้ำมันดิบ WTI เพิ่ม 1.4% ปิดที่ 62.87 เหรียญสหรัฐ หลังซาอุดิอาระเบียสั่งโจมตีกลุ่มติดอาวุธฮูตี ส่งผลให้สถานการณ์ในตะวันออกลางตึงเครียดมากขึ้น
เมื่อคืนวันพฤหัส (16 พ.ค.) สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) งวดส่งมอบเดือนมิ.ย. ปิดที่ 62.87 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.85 เหรียญสหรัฐ หรือเพิ่มขึ้น 1.4% ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ งวดส่งมอบเดือนก.ค. ปิดที่ 72.62 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.85 เหรียญสหรัฐ หรือเพิ่มขึ้น 1%
สัญญาซื้อขายน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI เพิ่มขึ้นติดต่อกัน 3 วันทำการ จากสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันในตลาดโลก ซึ่งล่าสุดซาอุดิอาระเบียได้ทำการโจมตีทางอากาศต่อเมืองซานา (Sanaa) ซึ่งเป็นเมืองหลวงของกลุ่มติดอาวุธฮูตี เพื่อตอบโต้การโจมตีท่อส่งน้ำมันของซาอุดีอาระเบียก่อนหน้านี้
โดยเจ้าชายคาลิด บิน ซัลมาน รมช.กลาโหมซาอุดีอาระเบีย กล่าวหาอิหร่านว่า เป็นผู้บงการกลุ่มติดอาวุธฮูตีในการโจมตีท่อส่งน้ำมันของซาอุดีอาระเบีย รวมถึงการก่อวินาศกรรมเรือบรรทุกน้ำมันของซาอุดิอาระเบีย 4 ลำ นอกชายฝั่งสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
ด้านกองกำลังทหารของสหรัฐได้เพิ่มการเฝ้าระวังทั้งในอิรักและซีเรีย เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับภัยคุกคามที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากกองกำลังที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน เช่นเดียวกับอิหร่านที่ประกาศเตรียมความพร้อมในระดับสูงสุดเพื่อรับมือกับภัยคุกคามจากกองทัพของชาติต่างๆที่พุ่งเป้าโจมตีอิหร่าน
อย่างไรก็ตาม ในเดือนมิ.ย.จะมีการประชุมกลุ่มโอเปกและประเทศพันธมิตร ซึ่งนำโดยรัสเซีย เพื่อตัดสินใจว่าจะมีการลดกำลังการผลิตน้ำมันออกไปจากเดือนมิ.ย.หรือไม่ จากปัจจุบันที่กลุ่มโอเปกและพันธมิตรตกลงที่จะลดกำลังการผลิตน้ำมัน 1.2 ล้านบาร์เรล/วันไปจนถึงเดือนมิ.ย.นี้
ทั้งนี้ รายงานล่าสุดของกลุ่มโอเปกที่ออกมาเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาระบุว่า ความต้องการใช้น้ำมันทั่วโลกในปีนี้จะสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้
ด้านบมจ.ไทยออยล์รายงานสถานการณ์ราคาน้ำมันประจำวันที่ 17 พ.ค. ว่า เมื่อวานนี้ (16 พ.ค.) ราคาน้ำมันมันดิบปรับเพิ่มมากกว่า 1% จากความตึงเครียดในตะวันออกกลางที่เพิ่มมากขึ้น หลังซาอุดิอาระเบียทำการโจมตีทางอากาศใส่ฐานที่ตั้งกบฏฮูติในรัฐซานา เนื่องจากทางฝ่ายกบฏฮูติได้ออกมาประกาศอ้างตัวเป็นผู้ทำการโจมตีท่อขนส่งน้ำมันของซาอุดิอาระเบียด้วยโดรนในสัปดาห์ที่ผ่านมา
ในขณะที่การขนส่งน้ำมันดิบจากตะวันออกกลางมาเอเชียมีความตึงเครียดมากขึ้น หลังเรือขนส่งน้ำมันถูกโจมตีนอกชายฝั่งเมืองฟูไจราห์ ของสาธารณรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ส่งผลให้ตลาดมีความกังวล และอาจทำการเพิ่มการรักษาความปลอดภัยของเรือเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะทำให้ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มสูงขึ้นด้วย
นอกจากนี้ ความต้องการน้ำมันเบนซินที่เพิ่มขึ้นของสหรัฐ ช่วยหนุนตลาดน้ำมันดิบ เนื่องจากปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังสหรัฐปรับลดลง จากโรงกลั่นทำการปิดซ่อมบำรุงในสหรัฐฯ รวมถึงความต้องการใช้น้ำมันเบนซินของสหรัฐ ปรับเพิ่มขึ้น เนื่องจากเข้าสู่ช่วงฤดูร้อน ซึ่งเป็นฤดูการท่องเที่ยว