สัญญาน้ำมันดิบ WTI ลบ 0.2% ปิดที่ 62.46 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล หลัง EIA รายงารสต็อกน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐเพิ่ม 7.2 ล้านบาร์เรล ขณะที่การเจรจาสงครามการค้า “สหรัฐ-จีน” แนวโน้มสดใส
เมื่อคืนวันพุธ (3 เม.ย.) สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) งวดส่งมอบเดือนพ.ค. ปิดที่ 62.46 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ลดลง 0.12 เหรียญสหรัฐ หรือลดลง 0.2% ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ งวดส่งมอบเดือนมิ.ย.ปิดที่ 69.31 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ลดลง 0.06 เหรียญสหรัฐ
สัญญาซื้อขายน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ปรับตัวลดลง หลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้นติดต่อกัน 3 วันทำการ เนื่องจากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐเพิ่มขึ้น 7.2 ล้านบาร์เรล ประจำสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 29 มี.ค. สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะลดลง 425,000 บาร์เรล
ขณะที่ข้อมูลประจำสัปดาห์ของ EIA ยังระบุว่า การนำเข้าน้ำมันดิบโดยเฉลี่ยของสหรัฐอยู่ที่ระดับ 6.8 ล้านบาร์เรล/วัน เพิ่มขึ้น 223,000 บาร์เรล/วัน จากสัปดาห์ก่อนหน้านั้น
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังคงได้รับแรงหนุน จากการลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มโอเปกและกลุ่มประเทศนอกโอเปก โดยกลุ่มโอเปกและพันธมิตรให้คำมั่นระหว่างกันว่าจะลดกำลังการผลิตน้ำมัน 1.2 ล้านบาร์เรล/วัน ในปีนี้ รวมทั้งการที่สหรัฐใช้มาตรการคว่ำบาตรการส่งออกน้ำมันของอิหร่านและเวเนซุเอลา
ด้านบมจ.ไทยออยล์รายงานสถานการณ์ราคาน้ำมันประจำวันที่ 4 เม.ย. ว่า ราคามันดิบเมื่อวานนี้ (3 เม.ย.) ปรับลดลง หลังสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐ ประจำสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 29 มี.ค. 2562 ปรับตัวเพิ่ม 7.2 ล้านบาร์เรล โดยปรับเพิ่มจากปริมาณการนำเข้าน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น และปริมาณการผลิตน้ำมันดิบสหรัฐ ปรับเพิ่มขึ้นแตะระดับ 12.2 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับที่มากที่สุด
อย่างไรก็ตาม ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากปริมาณน้ำมันดิบที่ขาดหายไป จาการคว่ำบาตรสหรัฐที่จะเพิ่ม และอาจรวมถึงการไม่ยืดเวลาการยกเว้นการนำเข้าน้ำมันดิบจากอิหร่านของ 8 ประเทศหลังเดือน พ.ค. รวมถึงปริมาณการผลิตน้ำมันดิบจากกลุ่มโอเปกที่ยังคงปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนมีแนวโน้มที่จะดีขึ้นในช่วงที่ผ่านมา โดยเจ้าหน้าที่จากทางการจีนระบุว่ามีความคืบหน้าครั้งใหม่หลังการเจรจาในสัปดาห์ที่แล้ว และจีนให้คำมั่นที่จะเปิดเสรีในอุตสาหกรรมต่างๆ