สัญญาน้ำมันดิบ WTI ลบ 0.1% หลังพุ่งทำสถิติสูงสุดในรอบ 4 เดือน นักลงทุนจับตาสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐคืนนี้
เมื่อคืนวันอังคาร (19 มี.ค.) สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) งวดส่งมอบเดือนเม.ย. ปิดที่ 59.03 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ลดลง 0.06 เหรียญสหรัฐ หรือลดลง 0.1% และสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ งวดส่งมอบเดือนพ.ค. ปิดที่ 67.61 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.07 เหรียญสหรัฐ หรือเพิ่มขึ้น 0.1%
สัญญาซื้อขายน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ปรับตัวลดลงเล็กน้อย หลังจากปิดทำสถิติสูงสุดใหม่ของปี 2562 เมื่อวานนี้ (19 มี.ค.) เนื่องจากผลสำรวจนักวิเคราะห์ในโพลล์เอสแอนด์พี โกลบอล แพลทส์ ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐจะเพิ่มขึ้น 1 ล้านบาร์เรลในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 15 มี.ค.
ทั้งนี้ สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) มีกำหนดเปิดเผยรายงานสต็อกน้ำมันดิบในวันนี้ เวลา 21.30 น.ตามเวลาไทย
อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบยังคงได้รับแรงหนุนจากการที่กลุ่มโอเปกและประเทศพันธมิตร ส่งสัญญาณว่าจะปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันต่อไป จนกว่าจะถึงการประชุมกำหนดนโยบายการผลิตในวันที่ 25-26 มิ.ย. รวมถึงมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐที่มีต่ออิหร่านและเวเนซุเอลา ทำให้อุปทานน้ำมันตึงตัวขึ้น
นายคาลิด อัล-ฟาลีห์ รมว.พลังงานของซาอุดีอาระเบีย ระบุว่า กลุ่มผู้ผลิตน้ำมันจำเป็นต้องปรับลดกำลังการผลิตต่อไปจนถึงช่วงครึ่งปีหลัง เนื่องจากสต็อกน้ำมันยังคงเพิ่มขึ้น
ด้านบมจ.ไทยออยล์รายงานสถานการณ์ราคาน้ำมันประจำวันที่ 20 มี.ค.ว่า ราคาน้ำมันดิบเมื่อวานนี้ (19 มี.ค.) ทรงตัวใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือน หลังได้รับแรงหนุนจากความคาดหวังว่ากลุ่มโอเปกจะขยายระยะเวลาปรับลดกำลังการผลิตจนถึงสิ้นปี 2562 อย่างไรก็ตาม ตลาดยังคงจับตามองการประกาศปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐ
ก่อนหน้านี้ โอเปกยกเลิกการประชุมเพื่อพิจารณาขยายระยะเวลาปรับลดกำลังการผลิตจนถึงสิ้นปี 2562 ในวันที่ 17-18 เม.ย. ที่จะถึงนี้ และจะมีการประชุมในวาระดังกล่าวอีกครั้งในวันที่ 25-26 มิ.ย.
โดยโอเปกเผยว่า การประชุมในเดือน เม.ย. อาจเร็วไปที่จะตัดสินได้ว่าสมดุลตลาดน้ำมันดิบจะเป็นอย่างไรในช่วงครึ่งหลังของปี เนื่องจากต้องพิจารณาผลของการคว่ำบาตรอิหร่านและวิกฤตเวเนซุเอลาก่อน แม้ว่าภาพรวมจะยังคงมีอุปทานค่อนข้างล้นตลาดก็ตาม
ทั้งนี้ หลังตลาดปิด สถาบันปิโตรเลียมสหรัฐฯ (API) ประกาศปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ลดลง 2.1 ล้านบาร์เรล มาอยู่ที่ 446.8 ล้านบาร์เรล สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะเพิ่ม 0.3 ล้านบาร์เรล หนุนราคาน้ำมันดิบขึ้นต่อ