สัญญาน้ำมันดิบ WTI ร่วง 1 เหรียญ ปิดที่ 63.58 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล คาดโอเปกเพิ่มกำลังผลิตน้ำมัน ขณะที่ IEA ห่วงเศรษฐกิจโลกชะลอตัว หลังความต้องการใช้น้ำมันกลุ่ม OECD ลดลงครั้งแรกในรอบ 5 ปี
เมื่อคืนวันพฤหัส (11 เม.ย.) สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) งวดส่งมอบเดือนพ.ค. ปิดที่ 63.58 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ลดลง 1.03 เหรียญสหรัฐ หรือลดลง 1.6% ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ งวดส่งมอบเดือนมิ.ย. ปิดที่ 70.83 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ลดลง 0.90 เหรียญสหรัฐ หรือลดลง 1.3%
สัญญาซื้อขายน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ปรับตัวลดลง หลังสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ออกรายงานว่า การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกอาจส่งผลกระทบต่อความต้องการน้ำมันดิบในตลาดโลก โดยในช่วงไตรมาส 4/2561 ความต้องการน้ำมันดิบในกลุ่มประเทศ OECD ลดลง 300,000 บาร์เรล/วัน ซึ่งเป็นการลดลงครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2557
ก่อนหน้านี้ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ประกาศปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีนี้เหลือ 3.3% จากเดิม 3.5% เนื่องจากได้รับผลกระทบสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน รวมทั้งการคุมเข้มนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งสร้างแรงกดดันต่อตลาดสินค้าโภคภัณฑ์
ทั้งนี้ กลุ่มโอเปกและพันธมิตรนำโดยรัสเซีย มีกำหนดนัดประชุมกันที่กรุงเวียนนาในวันที่ 25-26 มิ.ย.นี้ เพื่อกำหนดนโยบายน้ำมัน หลังจากข้อตกลงร่วมกันในการลดกำลังการผลิต 1.2 ล้านบาร์เรล/วัน จะสิ้นสุดลงในเดือนมิ.ย. โดยตั้งแต่ต้นปีจนถึงเดือนมี.ค. กลุ่มโอเปกลดกำลังการผลิตลง 550,000 บาร์เรล/วัน สู่ระดับ 30.1 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 4 ปี
อย่างไรก็ตาม มีการคาดการณ์ว่ากลุ่มโอเปกอาจเพิ่มกำลังผลิตน้ำมันในเดือนก.ค. หากอุปทานน้ำมันดิบจากอิหร่านและเวเนซุเอลายังคงลดลง และราคายังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่ล่าสุดมีการคาดการณ์ว่าปริมาณการส่งออกน้ำมันดิบของอิหร่านอาจลดลงอีกหลังเดือนพ.ค.ไปแล้ว หากสหรัฐเพิ่มความเข้มงวดในการคว่ำบาตรอิหร่าน
ด้านบมจ.ไทยออยล์รายงานสถานการณ์ราคาน้ำมันประจำวันที่ 12 เม.ย. ว่า เมื่อวานนี้ (11 เม.ย.) ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง หลังเกิดความกังวลว่ากลุ่มโอเปกอาจเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันดิบในเดือน ก.ค.2562 หากกำลังการผลิตจากเวเนซุเอลาและอิหร่านยังคงลดลง และราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
ขณะเดียวกัน ตลาดยังคงกังวลเกี่ยวกับอุปทานน้ำมันดิบในสหรัฐฯ ที่ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง หลังสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานสหรัฐ (EIA) รายงานว่า ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐเพิ่มขึ้นไปสู่ระดับ 456.6 ล้านบาร์เรล แตะระดับสูงที่สุดในรอบ 17 เดือน นอกจากนี้ กำลังการผลิตของสหรัฐยังคงอยู่ในระดับสูงที่ 12.2 ล้านบาร์เรล/วัน
นอกจากนี้ สำนักงานพลังงานสากล (IEA) รายงานว่า ตลาดน้ำมันดิบยังคงได้รับแรงหนุนจากอุปทานที่ปรับตัวลดลงของเวเนซุเอลาสู่ระดับ 870,000 บาร์เรล/วัน ซึ่งต่ำกว่าที่กลุ่มโอเปกรายงานในวันก่อนหน้าที่ระดับ 960,000 บาร์เรล/วัน เนื่องจากมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐ และเหตุการณ์ไฟฟ้าดับครั้งใหญ่ในประเทศ