สัญญาน้ำมันดิบ WTI พุ่ง 1.4% ปิดที่ 60.14 ดอลลาร์/บาร์เรล สูงสุดในรอบ 4 เดือนครึ่ง หลังภาวะน้ำมันโลกอยู่ในภาวะตึงตัว เผย 3 เดือนแรกปีนี้ราคาน้ำมันพุ่ง 32%
เมื่อคืนวันศุกร์ (29 มี.ค.) สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) งวดส่งมอบเดือนพ.ค. ปิดที่ 60.14 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.84 เหรียญสหรัฐ หรือเพิ่มขึ้น 1.4% และสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ งวดส่งมอบเดือนพ.ค. ปิดที่ 68.39 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.57 เหรียญสหรัฐ หรือเพิ่มขึ้น 0.8%
สัญญาซื้อขายน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 4 เดือนครึ่ง หรือนับตั้งแต่วันที่ 12 พ.ย.2561 จากสัญญาณที่บ่งชี้ว่าตลาดน้ำมันโลกอยู่ในภาวะตึงตัว เนื่องจากการลดกำลังการผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปกและนอกกลุ่มโอเปก รวมทั้งการที่สหรัฐดำเนินมาตรการคว่ำบาตรการส่งออกน้ำมันของอิหร่านและเวเนซุเอลา
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวเพิ่มขึ้นติดต่อกัน 4 สัปดาห์ และในช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้ ราคาเพิ่มขึ้นไปแล้ว 32%
ด้านบมจ.ไทยออยล์รายงานสถานการณ์ราคาน้ำมันประจำวันที่ 1 เม.ย. ว่า ราคาน้ำมันดิบเมื่อคืนวันศุกร์ (29 มี.ค.) ปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังอุปทานน้ำมันดิบปรับตัวลดลงจากมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐต่อการส่งออกน้ำมันดิบของอิหร่านและเวเนซุเอลา ประกอบกับผู้ผลิตทั้งในและนอกกลุ่มโอเปกให้ความร่วมมือต่อเนื่องในการปรับลดกำลังการผลิตตั้งแต่ช่วงต้นปี 2562
ขณะที่สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) เปิดเผยตัวเลขกำลังการผลิตน้ำมันดิบสหรัฐ ในเดือน ม.ค.2562 ปรับตัวลดลงไปอยู่ที่ระดับ 11.87 ล้านบาร์เรล/วัน โดยลดลงต่ำกว่าเดือน ธ.ค.2561 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 11.96 ล้านบาร์เรล/วัน
ทั้งนี้ Baker Hughes รายงานจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบของสหรัฐสัปดาห์ที่ผ่านมา ปรับตัวลดลง 8 แท่น มาสู่ระดับ 816แท่น ซึ่งเป็นจำนวนต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน เม.ย.2561
อย่างไรก็ตาม ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มชะลอตัว หลังกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐ เผยตัวเลขการใช้จ่ายของผู้บริโภคสหรัฐในเดือน ม.ค. 62 ปรับตัวเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 0.1 ซึ่งเพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.3