บริษัทญี่ปุ่นเชื่อมั่นศก.ไทย แนะรบ.ใหม่สานต่อเมกะโปรเจกต์อีอีซี

หอการค้าญี่ปุ่น-กรุงเทพ เผยบริษัทญี่ปุ่นมั่นใจเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มดีต่อเนื่อง ปีนี้จ่อลงทุนโรงงานและเครื่องจักรเพิ่ม แนะรัฐบาลหลังเลือกตั้งสานต่อการลงทุนเมกะโปรเจกต์ในพื้นที่อีอีซี

เมื่อวันที่ 18 ก.พ. นายทสึโยชิ อิโนะอุเอะ กรรมการผู้จัดการ หอการค้าญี่ปุ่น-กรุงเทพฯ (JCCB) เปิดเผยว่า หอการค้าญี่ปุ่น-กรุงเทพฯ ได้สำรวจแนวโน้มทางเศรษฐกิจของบริษัทร่วมทุนญี่ปุ่นในประเทศไทย ในปี 2561 โดยสำรวจไปยังบริษัทที่เป็นสมาชิก JCCB จำนวน 1,761 ราย เพื่อสะท้อนสภาพธุรกิจของบริษัทร่วมทุนญี่ปุ่นในประเทศไทย พบว่า ดัชนีแนวโน้มเศรษฐกิจ (DI) ในช่วงครึ่งแรกของปี 2561 อยู่ที่ 34 ซึ่งเท่ากับค่าดัชนีในช่วงครึ่งหลังของปี 2560

ในขณะที่ช่วงครึ่งหลังของปี 2561 ปรับตัวอยู่ที่ 29 และคาดการณ์ในช่วงแรกของปี 2562 อยู่ที่ 25 ซึ่งค่า DI มีค่าเป็นบวกติดต่อกันถึง 7 ช่วงการสำรวจ หรือนับตั้งปี 2559 ซึ่งสะท้อนว่าภาพรวมเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มดีขึ้น

ทั้งนี้ บริษัทที่อยู่ในอุตสาหกรรมการผลิต คาดว่าในปี 2562 จะมีการลงทุนด้านโรงงานและเครื่องจักร โดยมีสัดส่วนลงทุนเพิ่มขึ้น 30% ขณะที่จะลงทุนเท่าเดิม 42%

ในด้านการส่งออก บริษัทที่สำรวจคาดว่าในช่วงครึ่งแรก ปี 2562 จะส่งออกเพิ่มขึ้น 34% ส่งออกคงที่ 50% และอีก 16% คาดว่าจะส่งออกลดลง ในส่วนตลาดส่งออกที่มีศักยภาพในอนาคต พบว่า เวียดนามเป็นอันดับที่ 1 (46%) ของตลาดส่งออกจากประเทศไทยที่มีศักยภาพ ตามด้วย อินเดีย (34%) อินโดนีเซีย (33%) เมียนมา (22%) และญี่ปุ่น (20%) ตามลำดับ

สำหรับประเด็นปัญหาด้านการบริหารองค์กร พบว่า ปัญหาที่พบมากที่สุดคือ การแข่งขันกับบริษัทอื่น ที่รุนแรงขึ้น (69%) ส่วนปัญหารองลงมาได้แก่ ค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรเพิ่มสูงขึ้น (45%) ราคาวัตถุดิบหลักเพิ่มสูงขึ้น (32%) และการขาดแคลนวิศวกร (28%)

สำหรับข้อเรียกร้องต่อรัฐบาลไทย บริษัทส่วนใหญ่ระบุว่า เป็นประเด็นการพัฒนาและปรับปรุงระบบที่เกี่ยวกับศุลกากร รวมถึงการบังคับใช้ (51%) รองลงมา ได้แก่ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งในกรุงเทพฯ และปริมณฑล (46%) การส่งเสริมมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการสาธารณูปโภค (43%) และการพัฒนาและการปรับปรุงการนำระบบภาษีมาปฏิบัติใช้ เช่น ระบบภาษีเงินได้นิติบุคคล (35%)

นอกจากนั้น ยังมีประเด็นอื่นๆ อีก ได้แก่ การรักษาเสถียรภาพของอัตราแลกเปลี่ยน (35%) การปรับปรุงและพัฒนาด้านการศึกษาและทรัพยากรมนุษย์ (34%) การผ่อนปรนกฎหมายการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว (36%) และการแก้ไขปรับปรุงความสะดวกในการขอใบอนุญาตทำงานและวีซ่า (31%)

ขณะที่ประเด็นผลกระทบจากสงครามการค้าสหรัฐ-จีน พบว่า ส่วนใหญ่ตอบว่า ไม่มีผลกระทบ (37%) มีผลกระทบในเชิงบวก 13% โดยมองว่าอาจมีการย้ายกำลังการผลิตจากจีนมายังไทย ในขณะที่ 32% ตอบว่าได้รับผลกระทบเชิงลบ โดยเห็นว่าปริมาณการส่งออกลดลง ปริมาณยอดขายในประเทศลดลง และค่าใช้จ่ายในการจัดซื้อเพิ่มขึ้น

นายทสึโยชิ กล่าวว่า จากการสอบถามถึงนโยบายระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ที่เป็นประโยชน์ บริษัทส่วนใหญ่เห็นว่านโยบายที่เป็นประโยชน์มากที่สุด คือ แผนการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ EEC เช่น รถไฟความเร็วสูง โครงการขยายท่าเรือแหลมฉบัง โครงการขยายท่าเรือมาบตาพุด โครงการขยายสนามบินนานาชาติอู่ตะเภา รองลงมา คือ การยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลนานที่สุดถึง 13 ปี และการยกเว้นอากรขาเข้าสำหรับเครื่องจักรกล

“สมาชิกยังคงเชื่อมั่นที่จะลงทุนในไทยอย่างต่อเนื่อง และความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นมากเมื่อเทียบกับปีก่อน แม้จะมีปัจจัยเสี่ยงจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นมาก ขณะเดียวกัน ยังคิดว่าเศรษฐกิจไทยในอีก 5 ปีข้างหน้าจะยังคงขยายตัว อย่างไรก็ตาม ต้องการให้รัฐบาลเร่งรัดการก่อสร้างโครงการต่างๆ ในอีอีซีโดยเร็ว รวมถึงการเข้าเป็นสมาชิกหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ภาคพื้นแปซิฟิก (CPTPP) และการเจรจา FTA กับประเทศต่างๆ”นายทสึโยชิกล่าว

ด้านนายสแตนลีย์ คัง ประธานหอการค้าร่วมต่างประเทศในไทย กล่าวว่า นักลงทุนต่างชาติในไทยต้องการเห็นโครงการเมกะโปรเจกต์สำเร็จโดยเร็ว เพราะนอกจากจะช่วยอำนวยความสะดวกในการค้า การลงทุน และการขนส่งของภาคธุรกิจต่างๆ แล้ว ยังจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถด้านการแข่งขันให้กับประเทศไทยด้วย ขณะเดียวกัน หากมีรัฐบาลใหม่แล้วก็ควรเร่งรัดการเจรจาเอฟทีเอกับประเทศต่างๆ ด้วย

“อยากให้รัฐบาลไทยเร่งรัดการลงทุนเมกะโปรเจกต์ให้สำเร็จโดยเร็ว เพราะจะช่วยเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับไทย แต่หากไม่สำเร็จทันรัฐบาลชุดนี้ ก็อยากให้รัฐบาลหน้าสานต่อ เพราะเป็นโครงการที่ดีกับประเทศไทยมาก และยังต้องการให้รัฐบาลแก้ปัญหาคอรัปชั่นให้ลดน้อยลงด้วย เพราะบริษัทต่างชาติขนาดใหญ่ให้ความสำคัญเรื่องธรรมาภิบาลมาก” ประธานหอการค้าร่วมต่างประเทศในไทยกล่าว

นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากการพูดคุยกับนักลงทุนต่างชาติในไทย จนถึงขณะนี้ยังคงมีความเชื่อมั่นที่จะลงทุนในไทยต่อเนื่อง ทั้งการขยายการลงทุนและลงทุนใหม่ แต่ต้องการให้ไทยผลักดันเมกะโปรเจกต์ในพื้นที่ EEC ให้สำเร็จโดยเร็ว ทั้งรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนาม การขยายสนามบินอู่ตะเภา ท่าเรือแหลมฉบังและมาบตาพุด เพราะจะช่วยอำนวยความสะดวกในด้านการค้า และการขนส่งมากขึ้น

ขอบคุณภาพ : หอการค้าไทย

ทั้งนี้ ประเทศญี่ปุ่นมีความสำคัญต่อการลงทุนในไทยเป็นอย่างมาก โดยในปี 2561 มีปริมาณเงินลงทุนในการยื่นขอส่งเสริมสูงที่สุด 334 โครงการ หรือคิดเป็น 32% ของโครงการลงทุนจากต่างชาติทั้งหมด โดยเงินลงทุนส่วนใหญ่มาจากโครงการขนาดใหญ่ อาทิ กิจการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแบบผสม กิจการผลิตเคมีภัณฑ์ หรือโพลิเมอร์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม กิจการผลิตเครื่องปรับอากาศที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง กิจการผลิตผลิตภัณฑ์โลหะ กิจการผลิตชิ้นส่วนยานพาหนะ เป็นต้น

นอกจากนั้น ยังถือเป็นผู้ลงทุนอันดับ 1 ในพื้นที่ EEC ด้วยมูลค่าการลงทุน 109,600 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 46% ของการลงทุนในพื้นที่ EEC ทั้งหมด

นายกลินท์ กล่าวว่า นักลงทุนต่างชาติยังต้องการให้รัฐบาลไทยเร่งรัดการสมัครเข้าเป็นสมาชิกความตกลงที่ครอบคลุมและก้าวหน้าสำหรับหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ภาคพื้นแปซิฟิก (CPTPP) โดยเร็ว เพื่อดึงดูดความสนใจด้านการลงทุน และภายหลังจากการเลือกตั้งและมีรัฐบาลใหม่แล้ว ก็ต้องการให้รัฐบาลใหม่เร่งรัดเจรจาความตกลงการค้าเสรี (FTA) กับประเทศต่างๆ ด้วย โดยเฉพาะเอฟทีเอไทย-สหภาพยุโรป (EU) ที่ค้างคามานานแล้ว

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า