นายกฯตั้งเป้าไทยติดกลุ่ม 20 ประเทศแรก ในการจัดอันดับความยาก-ง่ายในการประกอบธุรกิจ หลังปี’62 ไทยอยู่อันดับที่ 27 พร้อมเดินหน้ายุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี วางรากฐานประเทศให้เข้มแข็ง
เมื่อวันที่ 17 พ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล ทีมวิจัยเกี่ยวกับ Doing Business จากธนาคารโลก เข้าเยี่ยมคารวะพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เนื่องในโอกาสจัดเก็บข้อมูลในประเทศไทยเพื่อนำไปใช้ในการจัดอันดับความยากง่าย-ในการประกอบธุรกิจ (Doing Business 2020)
พล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังการหารือว่า นายกฯขอบคุณธนาคารโลกที่ได้ให้ข้อแนะนำที่เป็นประโยชน์ในการแก้ไขปัญหาและอุปสรรคของการดำเนินธุรกิจในไทย ส่งผลให้อันดับของไทยประจำปี 2562 อยู่อันดับที่ 27 จาก 190 ประเทศ และเป็นอันดับ 3 ในอาเซียน ในขณะที่รัฐบาลให้ความสำคัญกับการจัดอันดับความยาก-ง่ายในการประกอบธุรกิจ และดำเนินการให้บรรลุตามแผนระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว
โดยได้ดำเนินการปฏิรูประบบราชการ เพื่อให้ประกอบธุรกิจได้ง่ายขึ้น เร็วขึ้น และมีค่าใช้จ่ายถูกลง รวมทั้งยังบูรณาการทำงานของภาครัฐกับภาคเอกชน ให้ภาคเอกชนได้มีส่วนร่วมและแสดงความคิดเห็น และนำระบบดิจิทัลมาใช้ในการปรับปรุง ลดขั้นตอน กระบวนการและเวลาการดำเนินงานของภาครัฐ พร้อมตั้งเป้ายกระดับการจัดอันดับความยาก-ง่าย ในการประกอบธุรกิจให้อยู่ในกลุ่ม 20 ประเทศแรกของโลก
ด้านผู้อำนวยการธนาคารโลกประจำประเทศบรูไน มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และไทย ภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก กล่าวขอบคุณและรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้เข้าพบนายกรัฐมนตรีในวันนี้ พร้อมยินดีที่การเลือกตั้งทั่วไปที่ผ่านมาประสบความสำเร็จ
ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวว่า รัฐบาลตั้งใจวางรากฐานการพัฒนาประเทศให้เข้มแข็งในอนาคต โดยความร่วมมือระหว่างทั้งสองฝ่ายอยู่ภายใต้กรอบยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และเห็นว่าการดำเนินธุรกิจจะประสบผลสำเร็จได้จะต้องมีผู้นำที่เข้มแข็ง และภาคเอกชนที่เข้าใจในการดำเนินนโยบายของรัฐบาล และในปีนี้ที่ไทยเป็นประธานอาเซียนจะสามารถส่งเสริมและผลักดันประเด็นที่เกี่ยวข้องกับความยาก-ง่ายในการประกอบธุรกิจ ในเวทีอาเซียนได้อีกทางหนึ่งด้วย
นอกจากนี้ ทีมวิจัยยังได้กล่าวชื่นชมในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการประกอบธุรกิจ ซึ่งส่งผลให้ไทยอยู่ในลำดับต้น ๆ ของภูมิภาคอาเซียนและเอเชีย และเห็นว่าการดำเนินการของไทยมาในทิศทางที่ถูกต้องแล้ว โดยเฉพาะในด้านดิจิทัล (Digitalization) โดยธนาคารโลกพร้อมให้คำแนะนำกับไทย เพื่อร่วมกันพัฒนาประเทศและภูมิภาคให้เข้มแข็งไปพร้อมๆกัน