“ประยุทธ์” ย้ำยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ล้มไม่ได้ รัฐบาลใหม่ที่เข้ามาต้องสานต่อ เร่งพัฒนา 5 มิติ หวังกระตุ้นการลงทุนในประเทศ
เมื่อวันที่ 4 มี.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานและกล่าวเปิดงานสัมมนา “Thailand’s Investment Year – What’s New?” ซึ่งจัดโดยสำนักงานคณะกรรมการการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) และมีนักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศเข้าร่วมการสัมมนากว่า 2,000 คน
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวตอนหนึ่งว่า ปัจจุบันการพัฒนาประเทศยังต้องอาศัยการลงทุนจากทั้งในประเทศ และต่างประเทศที่มีเทคโนโลยีและนวัตกรรมขั้นสูง เพื่อช่วยให้ประเทศเจริญเติบโตและสร้างความเข้มแข็งอย่างมั่นคง โดยอาศัยปัจจัยพื้นฐานภายในประเทศเป็นตัวพัฒนาภายใต้พื้นฐานแนวคิด 3 ประการ ได้แก่
1.ต่อยอดอดีต นำจุดเด่นจากรากเหง้าทางเศรษฐกิจ วัฒนธรรม มาประยุกต์กับเทคโนโลยีและนวัตกรรม ให้สอดรับกับบริบทโลกสมัยใหม่ 2.ปรับปัจจุบัน ผ่านการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของประเทศทั้งทางบก น้ำ อากาศ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รวมถึงด้านดิจิทัล และปรับสภาพแวดล้อมให้เอื้อต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมและบริการอนาคต และ3.สร้างคุณค่าใหม่ในอนาคต โดยการเพิ่มศักยภาพของผู้ประกอบการและพัฒนาคนรุ่นใหม่
“รัฐบาลเห็นว่าการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เป็นสิ่งสำคัญ เพราะมนุษย์ถือเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างสรรค์และพัฒนาสิ่งต่างๆให้เกิดขึ้นได้ในยุค Thailand 4.0 โดยต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนทั้งภาคการศึกษา ภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน”พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เมื่อการลงทุนในประเทศตรงตามมาตรฐาน จะเกิดประโยชน์ทั้งกับประเทศไทย ภูมิภาค และเชื่อมโยงตามห่วงโซ่มูลค่าของโลกต่อไปด้วย และเชื่อมั่นว่าการสร้างความมั่นคงอย่างยั่งยืนให้กับประเทศไทย จะทำให้เกิดความมั่งคั่งและมั่นคงแก่ประเทศเพื่อนบ้านด้วย ซึ่งรัฐบาลให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการพัฒนาอย่างครอบคลุม สมดุลและยั่งยืน ทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม โดยคำนึงถึงความสุขของประชาชนเป็นรากฐาน
ทั้งนี้ การขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศที่มีการลงทุนเป็นตัวนำนั้น รัฐบาลได้ดำเนินการใน 5 มิติอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ 1.มิติด้านการเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ด้วยการพัฒนาเทคโนโลยีที่ประเทศไทยมีศักยภาพ 2.มิติด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ให้เป็นกำลังสำคัญของการพัฒนาประเทศ รวมถึงการดึงดูดบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านและมีทักษะสูงจากต่างประเทศในสาขาที่ขาดแคลนมาช่วยกันพัฒนาประเทศ
3.มิติด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับ Connectivity ภายใต้แผนพัฒนาประเทศและกรอบความร่วมมือต่างๆ ระหว่างประเทศ 4.มิติด้านการพัฒนาผู้ประกอบการในระดับต่างๆให้มีความเข้มแข็ง ด้วยการส่งเสริมให้มีการพัฒนาตนเองด้วยการนำเครื่องจักรมาเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าและบริการ การส่งเสริมให้บริษัทใหญ่มาช่วยพัฒนา Local Supplier รวมถึงการที่ภาครัฐช่วยหาตลาดให้กับผู้ประกอบการ ทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ
และ5.มิติด้านการวางกรอบอุตสาหกรรมเป้าหมาย โดยเน้นการส่งเสริมให้เกิดการลงทุนเพื่อยกระดับอุตสาหกรรมที่มีฐานการผลิตอยู่มากในประเทศไทย ตลอดจนขยายการดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรมใหม่ๆ ที่ยังไม่มีหรือมีในประเทศเพียงเล็กน้อย
นอกจากนี้ รัฐบาลยังให้ความสำคัญกับการวางรากฐานของประเทศในด้านต่างๆให้มีความมั่นคงอย่างยั่งยืน ทั้งการสร้างปัจจัยแวดล้อมที่เอื้อต่อการลงทุน การพัฒนาอุตสาหกรรมที่ประเทศไทยมีศักยภาพ การยกระดับผลิตภาพและเพิ่มประสิทธิภาพของโรงงานอุตสาหกรรม รวมถึงการพัฒนาศักยภาพของเกษตรกรให้มีความเข้มแข็งเป็น Smart Farmers การส่งเสริมการผลิตและการใช้พลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือกในทุกรูปแบบ
โดยรัฐบาลได้ดำเนินการควบคู่กับการพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ คือ พื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) และเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน (SEZ) เพื่อให้มีการลงทุนเพิ่มขึ้น
ขณะเดียวกัน ไทยได้มีการพัฒนาด้านคมนาคมและระบบโลจิสติกส์เชื่อมโยงโครงข่ายการขนส่ง จากถนนสู่ทางราง ทางน้ำ และทางอากาศให้ทั่วถึง ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ ในระยะต่อไป การพัฒนาประเทศจำเป็นต้องวางรากฐาน ด้วยการปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจทั้งระบบให้มีความมั่นคงยิ่งขึ้น เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้กับประเทศ และลดความเหลื่อมล้ำภายในสังคม โดยยึดหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในการพัฒนาประเทศ
“ขอขอบคุณนักลงทุนที่เล็งเห็นประเทศไทยเป็นพื้นที่เป้าหมายในการลงทุนเสมอมา โดยหวังว่านักลงทุนจะร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้มีความเข้มแข็ง และยังประโยชน์ให้ประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน”พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวด้วยว่า ประเทศไทยต้องเดินหน้าไปสู่การปฏิรูปเพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับประเทศ ซึ่งการจัดทำแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ไม่ใช่การสืบทอดอำนาจ แต่เป็นสิ่งที่จำเป็นต้องทำเพื่อให้มีการต่อยอดในวันข้างหน้า ไม่ใช่เพื่อตนเองหรือทหาร แต่เพื่อคนทั้งชาติ โดยรัฐบาลต่อไปจะต้องเข้ามาดำเนินการต่อ เพราะรัฐบาลชุดนี้ได้วางไว้แล้วทั้งกฎหมายและแผนแม่บท 5 ปี และไม่ว่าใครก็จะมาล้มแผนเหล่านี้ไม่ได้ เว้นแต่คิดว่าทำได้ดีกว่า
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า แม้ว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจโลกจะซบเซา แต่เศรษฐกิจไทยยังเติบโตสูงขึ้นได้ ขณะที่ไทยเร่งรัดการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะใน EEC ซึ่งมีโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ 5 โครงการที่อยู่ระหว่างเปิดประมูล คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนพ.ค.-มิ.ย.2562 นอกจากนี้ ไทยยังได้รับอานิสงส์จากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน เพราะหลายบริษัทได้ย้ายมาตั้งฐานการผลิตที่ประเทศไทย