Home » ข่าว » ผอ.สำนักพุทธเมืองคอน! แจ้งความ พระสงฆ์มีพฤติการณ์สร้างอิทธิพล
ผอ.สำนักพุทธเมืองคอนแจ้งความดำเนินคดีกับพระสังฆาธิการอย่างน้อย 4 รูป หลังเผยแพร่ข้อความเข้าข่ายผิด พรบ.คอมพิวเตอร์และหมิ่นประมาท พร้อมเข้าพบรองแม่ทัพน้อยที่ 4 ติดตามพฤติการณ์พระสงฆ์เข้าข่ายสร้างอิทธิพล
วันนี้ (26 ม.ค.62) ที่ สภ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช นายวาทิน กรดเต็ม ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครศรีธรรมราช พร้อมทนายความเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.เมือง ให้ดำเนินคดีพระสงฆ์ที่มีตำแหน่งในระดับพระสังฆาธิการอย่างน้อย 4 รูป โดยมีหลักฐานข้อมูลการสนทนาผ่านแอปพลิเคชั่นระหว่างพระสังฆาธิการกลุ่มนี้ แจ้งความฐานความผิด พรบ.คอมพิวเตอร์ และหมิ่นประมาท ตามประมวลกฎหมายอาญา
นอกจากนี้ยังมีทั้งหลักฐานที่สงสัยว่าพระสงฆ์ 4 รูปกลุ่มนี้กำลังร่วมกันประสงค์ต่อชีวิตของนายวาทินฯ อีกด้วย ทั้งนี้สืบเนื่องมาจากสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งกำลังดำเนินการรวบรวมข้อมูลการทุจริตและความประพฤตินอกพระธรรมวินัยของพระสงฆ์ในจังหวัดนครศรีธรรมราชอย่างต่อเนื่อง จนทำให้พระสงฆ์หลายรูปไม่พอใจเป็นอย่างมาก จนมีพฤติการณ์ที่อาจเข้าข่ายผิดกฎหมาย เพราะมีการได้ข่มขู่อีกต่างหาก
นายวาทิน กรดเต็ม ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า ถูกข่มขู่ถึงจะทำให้ตนเองหายสาบสูญไปจากโลกนี้ และยังกล่าวหาให้ร้ายในเรื่องการทำหน้าที่ ซึ่งมีหลักฐานการสนทนาระหว่างพระสังฆาธิการด้วยกันผ่านแอปปลิเคชันหนึ่ง ซึ่งทนายความได้พิจารณาแล้วเข้าข่ายกล่าวให้ร้ายหมิ่นประมาท ทำให้เกิดความเสียหาย และมีการสนทนาที่น่าเชื่อว่ากำลังเตรียมประสงค์ต่อชีวิต ทั้งยังมีการกระทำอย่างต่อเนื่อง เชื่อว่าเป็นสาเหตุที่สืบเนื่องจากการทำหน้าที่ของสำนักงานพระพุทธศาสนาที่กำลังดำเนินการในเรื่องพระนอกรีด
นอกจากนี้ยังมีการตรวจพบข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตนั้นทางหน่วยงานที่รับผิดชอบได้เข้ามาประสานงานและตรวจสอบข้อมูลทางสำนักงานพระพุทธศาสนาฯ จึงต้องส่งข้อมูลเหล่านั้นให้ไปตามอำนาจหน้าที่โดยชอบตามกฎหมาย เพื่อให้หน่วยงานที่รับผิดชอบดำเนินการแล้วเช่นกัน นายวาทินฯ ระบุ
หลังจากนั้นนายวาทิน กรดเต็ม ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาฯ ได้นำข้อมูลพฤติกรรมของพระสงฆ์ในชั้นพระสังฆาธิการจำนวนหนึ่งที่มีการตรวจสอบพฤติกรรมนอกพระธรรมวินัยเข้าประสานงานกับพลตรีอาคม พงศ์พรหม รองแม่ทัพน้อยที่ 4 เพื่อให้ติดตามตรวจสอบพฤติการณ์ด้วย เนื่องจากพบว่าบางรายอาจเข้าข่ายเป็นผู้มีอิทธิพล
สำหรับการตรวจสอบพฤติการณ์ของสำนักพระพุทธศาสนาฯ นั้น รายงานว่ามีการพบเอกสารที่ส่อไปในทางทุจริตเรียกหัวคิวเงินอุดหนุนวัดของพระผู้ใหญ่รายหนึ่ง การทุจริตปลอมแปลงเอกสารการบวชของผู้ที่ต้องถูกดำเนินคดี และการเบิกจ่ายเงินนิตยภัตร ซึ่งขณะนี้ได้มีการรายงานข้อมูลดังกล่าวไปยังสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติแล้วด้วย.