เมื่อวันที่ 22 ก.พ. น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ แถลงตัวเลขการค้าระหว่างประเทศของไทยในเดือน ม.ค.2562 โดยระบุว่า การส่งออกมีมูลค่า 18,993 ล้านเหรียญสหรัฐ ติดลบ 5.65% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเป็นการติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 จากเดือนธ.ค.2561 ที่การส่งออกติดลบ 1.72% และเดือนพ.ย.2561 ที่การส่งออกติดลบ 0.95%
ทั้งนี้ การส่งออกไทยที่ติดลบดังกล่าว เนื่องจากได้รับผลกระทบจากสงครามการค้า ราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง ยอดส่งออกรถยนต์ลดลง และค่าเงินบาทที่แข็งค่า
ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 23,026 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 13.99% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้เดือนม.ค.2562 ไทยขาดดุลการค้า 4,032 ล้านเหรียญสหรัฐ
น.ส.พิมพ์ชนก อธิบายเพิ่มเติมว่า ผลกระทบจากข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ส่งผลให้คำสั่งซื้อสินค้าจากจีนชะลอตัวลง และทำให้การส่งออกไทยไปตลาดจีนหดตัวสูงถึง 16.7% ในขณะที่การส่งออกไปสหรัฐขยายตัวได้ดีต่อเนื่อง โดยขยายตัว 8.8% ส่วนการส่งออกไปตลาดญี่ปุ่น อินเดีย และ CLMV ยังคงขยายตัว แต่ในอัตราที่ชะลอลง
นอกจากนี้ หากพิจารณาตัวเลขการส่งออกเป็นรายสินค้า พบว่าการส่งออกสินค้ากลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร หดตัว 2.9% ซึ่งเป็นผลจากการหดตัวของยางพารา ข้าว ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง และน้ำตาลทราย ส่วนผัก ผลไม้สดแช่เย็น แช่แข็ง กระป๋องและแปรรูป และไก่สดแช่แข็งและแปรรูป ยังขยายตัวสูง ขณะที่การส่งออกสินค้ากลุ่มอุตสาหกรรม หดตัว 5.9% จากสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน เครื่องยนต์สันดาปภายในแบบลูกสูบและส่วนประกอบ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และรถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ
น.ส.พิมพ์ชนก กล่าวว่า แม้ว่าการส่งออกปีนี้จะเผชิญกับ 4 ปัจจัยเสี่ยง คือ การชะลอตัวของอุปสงค์ต่างประเทศ ราคาสินค้าเกษตรที่ทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ ค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น และข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่ยังคงกดดันบรรยากาศการค้าและการลงทุนโลก แต่กระทรวงพาณิชย์ตั้งเป้าว่าการส่งออกปีนี้จะขยายตัวที่ 8%
