ความคืบหน้ากรณีนายพิสิฐชัย สว่างวัฒนากร เจ้าหน้าที่ดีเอสไอโพสข้อความในลักษณะเผยถึงการฎิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ว่า จะเข้าไปจับกุมพระชั้นผู้ใหญ่วัดดังหลายแห่งในกรุงเทพ ในคดีทุจริตเงินทอนวัดล็อต3และ4 จนตำรวจกองปราบต้องเรียกเข้าไปสอบปากคำเมื่อวานนี้ ล่าสุด พนักงานสอบสวนดีเอสไอ ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษดำเนินคดีกับนายพิสิฐชัย ความผิดตาม พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ โดยนำตัวมาที่กองปราบปราม
ซึ่งนายพิสิฐชัย ได้เดินทางมาถึงกองบังคับการปราบปราม ในช่วงเวลา 12.45 นาที โดยทีพันตำรวจตรีวรนันท์ ศรีล้ำ ผู้อำนวยการศูนย์บริหารคดีพิเศษมโดยตลอดการเดินเข้าห้องสอบสวน นายพิสิฐชัยไม่ยอมให้ข้อมูลใดๆกับสื่อมวลชน ทั้งนี้ในส่วนของการเข้าพบตำรวจกองปราบปรามนั้น มาจากกรณีที่นายพิสิฐชัยโพสเฟซบุ๊คส่วนตัวว่าในเร็วๆนี้ ตำรวจจะตรวจสอบ 4 วัดดังในกรุงเทพมหานคร และยังมีวัดเทพศิริรนทราวาสราชวรวิหาร ที่เข้ามาพัวพันกับเงินทุจริตจำนวน 10 ล้านบาท ของวัดสระเกศฯ อีกด้วย
ด้านพลตำรวจตรีไมตรี ฉิมเฉิด ผู้บังคับการกองบังคับการปราบปราม ก็บอก ว่า ยังไม่มีคำสั่ง และไม่มีการตรวจค้นใดๆ ทั้งสิ้น เพราะต้องรอประสานจากกองบังคับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ ปปป. และ สำนักพระพุทผธศาสนาแห่งชาติเข้ามาร้องทุกข์
ส่วนกระแสข่าวที่ว่า นายพิสิฐชัย เคยศึกษาเปรียญธรรมและเคยรับตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสวัดดังในกรุงเทพมหานคร ก่อนที่จะเข้ามารับตำแหน่งข้าราชการในดีเอสไอ จากการตรวจสอบข้อมูลเชิงลึก ทราบว่า แท้จิรงแล้ว นายพิสิฐชัย เคยอุปสมบทศึกษาเปรียญธรรมจริง แต่บวชได้เพียง 7 พรรษา จากนั้นนายพิสิฐชัย จึงเข้าศึกษาที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง และเริ่มเข้าสู่วงการพระพุทธศาสนาด้วยการเป็นสมาชิกกลุ่มรามบูชาธรรม และด้วยความสนิทสนมกับพระชั้นผู้ใหญ่หลายรูป นายพิสิฐชัย จึงเข้ามารับตำแหน่งกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการคณะอนุกรรมการรวบรวมข้อมูลข่าวสารคณะกรรมการติดตามข้อมูลข่าวสาร มหาเถรสมาคม และเป็นที่ปรึกษาพระพรหมบัณฑิต อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ด้านกฎหมาย สมัยที่ 4 ก่อนจะมาเป็นพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ชำนาญการพิเศษ กองคดีภาษีอากร กรมสอบสวนคดีพิเศษ