เครือข่ายปกป้องพระพุทธศาสนา เดินหน้าต่อเนื่อง ครั้งนี้ มายื่นร้อง ป.ป.ช. ให้ตรวจสอบ กรณีนางกนิษฐา พราหมณ์เสน่ห์ ภรรยา ผอ.พศ. เดินทางไปสังเวชนียสถานที่ประเทศอินเดีย โดยใช้งบประมาณของสำนักพุทธศาสนาฯ
ที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ถ.นนทบุรี ต.ท่าทราย อ.เมือง จ.นนทบุรี นายวิชัย ประเสริฐสุดสิริ ผู้ประสานงานองค์กรส่งเสริมและปกป้องคุ้มครองพระพุทธศาสนา หรือ อศคพ.พร้อมด้วยเครือข่ายองค์กรชาวพุทธจะไปยื่นหนังสือต่อนายสุทธิ บุญมี ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนและกิจการพิเศษคณะกรรมการ ป.ป.ช. เรื่องการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการของ พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ กรณีการเดินทางไปนมัสการสังเวชนียสถานของนางกนิษฐา พราหมณ์เสน่ห์ ภรรยาของ พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ในสถานะข้าราชการสำนักงานพระพุทธศาสนาฯ ด้วยงบประมาณสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ระหว่าง 29 มี.ค.-5 เม.ย.2561 ซึ่งบุคคลดังกล่าวมิได้เป็นเจ้าหน้าที่ในสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ
จากการที่นางกนิษฐา พราหมณ์เสน่ห์ ได้รับคัดเลือกเป็นเพราะขั้นตอนและวิธีการคัดเลือกอยู่ใต้การกำกับดูแลและสั่งการของ พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผอ.สำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ นอกจากโครงการนี้ยังใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ช่วยเหลือให้ นางกษิฐา ฯ เดินทางไปประเทศเมียนมาร์ในเดือน มี.ค.61ด้วย จากการแถลงข่าวที่ผ่านมามีการบิดเบือนข้อเท็จจริงเพื่อปกปิดความไม่ถูกต้องสำหรับบุคคลดังกล่าว จึงขอให้คณะกรรมการ ปปช.ตรวจสอบเอกสารที่สำนักพุทธศาสนาแห่งชาติว่าเป็นไปตามหลักเกณฑ์จริงหรือไม่
สำหรับเนื้อหาที่อศคพ.ระบุไว้ในหนังสือที่ยื่นมีดังนี้
ด้วยสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติได้จัดโครงการนำเจ้าคณะพระผู้ปกครองพระสังฆาธิราช พระภิกษุสามเณร และฆราวาส ผู้ส่งเสริมสนับสนุนกิจการพระพุทธศาสนาจากพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ไปศึกษาดูงาน ประกอบศาสนกิจและนมัสการสังเวชนียสถาน 4 ตำบลประเทศอินเดียและเนปาล ด้วยงบประมาณของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติจำนวน 4,999,500 บาท ระหว่างวันที่ 29 มีนาคม 2561 ถึงวันที่ 5 เมษายน 2561
การดำเนินการตามโครงการดังกล่าวได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการการคัดเลือกผู้ที่จะได้ไปศึกษาดูงานโดยมีหลักเกณฑ์ดังนี้
1.ต้องเป็นข้าราชการสำนักงานพระพุทธศาสนา
2.ต้องเป็นพระภิกษุสามเณรในพระพุทธศาสนา
3.ต้องเป็นอุบาสกอุบาสิกาผู้บำเพ็ญคุณประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนา
ซึ่งจากการคัดเลือกของคณะกรรมการได้เลือก นางกนิษฐา พราหมณ์เสน่ห์ ภรรยาของ พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ให้เดินทางไปในคณะในสถานะข้าราชการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ทั้งๆ ที่นางกนิษฐามิได้เป็นเจ้าหน้าที่ในสำนักพุทธศาสนาแห่งชาติและที่สำคัญคือ โครงการนี้เป็นโครงการนำเจ้าคณะพระผู้ปกครองพระสังฆาธิการ พระภิกษุสามเณรและฆราวาส ผู้ส่งเสริมสนับสนุนกิจการพระพุทธศาสนาจากพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาค ใต้ไปศึกษาดูงานประกอบศาสนกิจและนมัสการสังเวชนียสถาน 4 ตำบลประเทศอินเดียและเนปาล แต่นางกนิษฐามิได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับกิจการพระพุทธศาสนาในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้แต่อย่างใด และไม่ปรากฏว่านางกนิษฐาได้บำเพ็ญคุณประโยชน์ตอบพุทธพระศาสนาแต่อย่างใด
องค์กรส่งเสริมและปกป้องคุ้มครองพระพุทธพระพุทธศาสนา มีความต้องการให้ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ตรวจสอบ ว่านางกนิษฐาได้รับการคัดเลือกเป็นไปตามหลักเกณฑ์หรือไม่ รวมไปถึงตรวจสอบ พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ในการเลือกบุคคลไปศึกษาดูงานว่า เป็นการปฎิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบหรือไม่ หรือเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับนางกนิษฐาภรรยาของตนเองเดินทางไปดูงานหรือไม่
ก่อนหน้านี้ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ออกมาแถลงยืนยันไปแล้วว่า นางกนิษฐา เป็นบุคคลหนึ่งซึ่งสนับสนุน และทำประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนา มีคุณสมบัติถูกต้องตามเกณฑ์คัดเลือกของโครงการ แต่นายวิชัย ในฐานะผู้ประสานงานองค์กรส่งเสริมและปกป้องคุ้มครองพระพุทธศาสนา ยังคงต้องการให้ทางสำนักพุทธทาสศาสนาออกมายืนยันชี้แจงให้ละเอียดอีกครั้ง