ราคาน้ำมันดิบ WTI ร่วง 3.2% ปิดที่ ปิดที่ 51.99 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล กังวลเศรษฐกิจจีนชะลอตัว สหรัฐผลิตน้ำมันเพิ่มต่อเนื่อง จับตาสหรัฐ-จีนหารือข้อพอพาทสงครามการค้า
เมื่อคืนวันจันทร์ (28 ม.ค.) สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) งวดส่งมอบเดือนมี.ค. ปิดที่ 51.99 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ลดลง 1.70 เหรียญสหรัฐ หรือลดลง 3.2% ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ งวดส่งมอบเดือนมี.ค. ปิดที่ 59.93 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ลดลง 1.71 เหรียญสหรัฐ หรือลดลง 2.8%
สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง เนื่องจากนักลงทุนกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน หลังสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานว่า กำไรของบริษัทอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ของจีนในเดือนธ.ค. หดตัวลง 1.9% และตลอดปี 2561 กำไรของบริษัทอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ขยายตัวเพียง 10.3% เทียบกับปีก่อนที่ขยายตัวที่ 21%
ขณะที่เบเกอร์ ฮิวจ์ รายงานว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐที่มีการใช้งานอยู่ที่ 862 แท่น เพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนธ.ค.ปีที่แล้ว ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าผู้ผลิตน้ำมันของสหรัฐจะเพิ่มการขุดเจาะน้ำมันต่อไป
ด้านสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) ระบุว่า สหรัฐมีแนวโน้มผลิตน้ำมันมากกว่า 12 ล้านบาร์เรล/วันในปีนี้ และจะเป็นประเทศที่ส่งออกน้ำมันสุทธิในปี 2563
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนจับตาสถานการณ์การเมืองในเวเนซุเอลาอย่างใกล้ชิด หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ให้การยอมรับนายฮวน กุยโด ประธานสมัชชาแห่งชาติและผู้นำพรรคฝ่ายค้านของเวเนซุเอลา ในฐานะประธานาธิบดีชั่วคราวของเวเนซุเอลา นอกจากนี้ สหรัฐยังขู่ที่จะคว่ำบาตรการส่งออกน้ำมันของเวเนซุเอลา
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน โดยนายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน จะเดินทางถึงสหรัฐในวันที่ 30-31 ม.ค.เพื่อเจรจาการค้ากับรัฐมนตรีคลังสหรัฐ ทั้งนี้ หากจีนและสหรัฐไม่สามารถตกลงกันได้ ประธานาธิบดีสหรัฐจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนมูลค่า 2 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ในอัตรา 25% จากเดิมที่เก็บ 10%