สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปิดบวกเล็กน้อย หลังกลุ่มโอเปกส่งสัญญาณเดินหน้าลดกำลังผลิตน้ำมันตามข้อตกลง พร้อมขานรับข่าวสงครามการค้า “สหรัฐ-จีน” ยุติ
เมื่อคืนวันอังคาร (26 ก.พ.) สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) งวดส่งมอบเดือนเม.ย. ปิดที่ 55.50 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.02 เหรียญสหรัฐ หรือเพิ่มขึ้น 0.36% ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ งวดส่งมอบเดือนเม.ย. ปิดที่ 65.21 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.45 เหรียญสหรัฐ หรือเพิ่มขึ้น 0.7%
สัญญาซื้อขายน้ำมันดิบ WTI ขยับขึ้นเล็กน้อย หลังแหล่งข่าวจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันหรือโอเปก กล่าวกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า โอเปกจะเดินหน้าลดกำลังการผลิตเพื่อลดอุปทานน้ำมันตามข้อตกลงต่อไป แม้ว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ทวีตข้อความกดดันโอเปกให้ระงับการขึ้นราคาน้ำมัน ซึ่งทำให้ราคาน้ำมันเมื่อวันจันทร์ร่วงลงกว่า 3%
ทั้งนี้ ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน ราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 20% หลังจากกลุ่มโอเปกและประเทศนอกโอเปก เช่น รัสเซีย เริ่มลดการผลิตน้ำมัน เพื่อลดอุปทานส่วนเกินและสร้างสมดุลของตลาด ขณะที่การคว่ำบาตรของสหรัฐต่อสมาชิกกลุ่มโอเปกอย่างอิหร่านและเวเนซุเอลา มีส่วนทำให้ราคาน้ำมันเพิ่มขึ้นเช่นกัน
ขณะเดียวกัน นักลงทุนยังคงมีมุมมองในแง่ดีที่ว่า สหรัฐและจีนจะรักษาความตกลงการค้าต่อไปจนกระทั่งถึงก่อนถึงเส้นตายในวันที่ 1 มี.ค. ซึ่งมีผลทำให้ราคาน้ำมันเพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยประธานาธิบดีทรัมป์ ระบุเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า เขาอาจลงนามข้อตกลงกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เพื่อยุติสงครามการค้าระหว่างสองประเทศที่ยาวนานหลายเดือน
นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบคงคลังของสหรัฐ โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยข้อมูลวันนี้ (27 ก.พ.) เวลา 23.00 น.ตามเวลาไทย ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐจะพุ่งขึ้น 3.5 ล้านบาร์เรล ในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 22 ก.พ.
นักวิเคราะห์ยังคาดว่า สต็อกน้ำมันเบนซินจะลดลง 1.5 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีทติ้งออยล์และน้ำมันดีเซลนั้น จะลดลง 2.5 ล้านบาร์เรล