ราคาน้ำมันดิบพุ่งอีก 1.1% ห่วงสหรัฐคว่ำบาตรเวเนซุเอลา

ราคาน้ำมันดิบ WTI เพิ่ม 1.1% ปิดที่ 53.69 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล หลังสหรัฐขู่คว่ำบาตรเวเนซุเอลา คาดกระทบการส่งออกน้ำมัน 3-5 แสนบาร์เรล/วัน

เมื่อวันศุกร์ (25 ม.ค.) สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์ก งวดส่งมอบเดือนมี.ค. ปิดที่ 53.69 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.56 เหรียญสหรัฐ หรือเพิ่มขึ้น 1.1% และสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ งวดส่งมอบเดือนมี.ค.ปิดที่ 61.64 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.55 เหรียญสหรัฐ หรือเพิ่มขึ้น 0.9%

สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังรัฐบาลสหรัฐขู่ว่าจะคว่ำบาตรการส่งออกน้ำมันของเวเนซุเอลา ท่ามกลางสถานการณ์การเมืองที่ย่ำแย่ ในขณะที่สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานสหรัฐ (EIA) รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งขึ้น 8 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 18 ม.ค.

ด้านบมจ.ไทยออยล์รายงานสถานการณ์ราคาน้ำมันประจำวันที่ 28 ม.ค. ว่า ราคาน้ำมันดิบ WTI และเบรนท์ปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากตลาดกังวลต่อปริมาณอุปทานน้ำมันดิบที่จะปรับตัวลดลง หลังสหรัฐออกมาขู่จะคว่ำบาตรเวเนซุเอลาเมื่อวันที่ 24 ม.ค.2562

ทั้งนี้ สหรัฐให้การสนับสนุนผู้นำฝ่ายค้านนายฮวน กุยโด ส่งผลให้ประธานาธิบดีเวเนซุเอลาได้ตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับสหรัฐ และจากการคว่ำบาตรครั้งนี้ จะส่งผลให้การส่งออกของเวเนซุเอลาในปีนี้ปรับตัวลดลง 300,000-500,000 บาร์เรล/วัน

อย่างไรก็ตาม กำลังการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐที่เพิ่มขึ้น สามารถชดเชยอุปทานของเวเนซุเอลาที่หายไปได้ในระยะสั้น โดย Baker Hughes รายงานจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ ณ วันที่ 25 ม.ค.2562 ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในปีนี้ โดยปรับตัวเพิ่มขึ้น 10 แท่น มาอยู่ที่ระดับ 862 แท่น

ขณะที่ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐ ประจำสัปดาห์ ณ วันที่ 8 ม.ค.2562 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 8 ล้านบาร์เรล ซึ่งสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะปรับลดลง 42,000 บาร์เรล เนื่องจากโรงกลั่นน้ำมันในสหรัฐ ได้ปรับลดกำลังการผลิตลง 174,000 บาร์เรลต่อวัน

นอกจากนี้ ปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังสหรัฐที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 4.1 ล้านบาร์เรล ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะปรับขึ้น 2.7 ล้านบาร์เรล

บมจ.ไทยออยล์คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้ โดยคาดว่าราคาน้ำมันดิบ WTI จะเคลื่อนไหวในกรอบ 50-55 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และราคาน้ำมันดิบเบรนท์ จะเคลื่อนไหวในกรอบ 59-64 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล

สำหรับปัจจัยที่น่าจับตามอง ได้แก่ 1.อุปทานน้ำมันดิบโลกมีแนวโน้มปรับตัวลดลงน้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ หลังยุโรปเตรียมประกาศใช้ระบบการชำระเงิน สำหรับซื้อขายน้ำมันดิบกับอิหร่านผ่านสกุลเงินอื่นที่ไม่ใช่เงินเหรียญสหรัฐ ส่งผลให้ปริมาณน้ำมันดิบส่งออกจากอิหร่านอาจปรับตัวเพิ่มขึ้น

2.อุปสงค์น้ำมันดิบคาดว่าจะถูกกดดันจากสภาพเศรษฐกิจโลกในปัจจุบันที่ค่อนข้างซบเซาและมีแนวโน้มการเติบโตที่ชะลอตัวลง ซึ่งสามารถสะท้อนได้จากจีดีพีของจีนในปี 2561 ซึ่งขยายตัว 6.6% นับเป็นการขยายตัวที่น้อยที่สุดในรอบ 28 ปี ในขณะที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดจีดีพีโลกในปี 2562 จะเติบโตเพียง 3.5% ซึ่งลดลงจากการคาดการณ์ในเดือน ต.ค.2561 ที่ 0.2%

และ3.ติดตามสถานการณ์การพิจารณาคว่ำบาตรการส่งออกน้ำมันดิบของเวเนซุเอลาของสหรัฐฯ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจเวเนซุเอลา และตลาดน้ำมันดิบโลก เนื่องจากสหรัฐเป็นผู้นำเข้าน้ำมันดิบรายใหญ่ที่สุดของเวเนซุเอลา

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า