สัญญาน้ำมันดิบ WTI ลบ 2.5% ปิดที่ 55.80 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล หลังดัชนีภาคการผลิตสหรัฐลดลงต่ำสุดในรอบกว่า 2 ปี ขณะที่รอยเตอร์คาดความต้องการน้ำมันปีนี้ลดลง
เมื่อคืนวันศุกร์ (1 มี.ค.) สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) งวดส่งมอบเดือนเม.ย. ปิดที่ 55.80 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ลดลง 1.42 เหรียญสหรัฐ หรือลดลง 2.5% ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ งวดส่งมอบเดือนพ.ค. ปิดที่ 65.07 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ลดลง 1.24 เหรียญสหรัฐ หรือลดลง 1.9%
บมจ.ไทยออยล์รายงานสถานการณ์ราคาน้ำมันประจำวันที่ 4 มี.ค. ว่า ราคาน้ำมันดิบเบรนท์และ WTI เมื่อวันศุกร์ปรับตัวลดลง หลังสหรัฐเผยดัชนีภาคการผลิตของประเทศ (ISM Manufacturing Activity Index) ประจำเดือน ก.พ.2562 ปรับลดลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน พ.ย.2559 ส่งผลให้นักลงทุนกังวลว่าอุปทานที่ขาดหายไปจากกลุ่มโอเปก เวเนซุเอลาและอิหร่าน อาจไม่เพียงพอที่จะปรับสมดุลตลาดน้ำมันดิบในภาวะที่การขยายตัวอุปสงค์มีแนวโน้มปรับตัวลดลง
ทั้งนี้ สำนักข่าว Reuters คาดการขยายตัวของอุปสงค์น้ำมันในปีนี้ปรับลดลง หลังยอดสั่งซื้อสินค้าส่งออก จากจีนและเกาหลีใต้ปรับลด จากผลของการเติบโตของเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงและความไม่แน่นอนของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน-แคนาดาปรับเพิ่มโควตาปริมาณน้ำมันดิบที่กลุ่มผู้ผลิตในประเทศสามารถผลิตได้ในเดือน เม.ย.2562 ขึ้น ราว 100,000 บาร์เรล/วัน จากเดือน ม.ค. 62 สู่ระดับ 3.66 ล้านบาร์เรล/วัน เนื่องจากปริมาณ น้ำมันดิบคงคลังแคนาดาเริ่มปรับตัวลดลง ประกอบกับ ราคาน้ำมันดิบแคนาดาได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นแล้ว
Reuters ยังเผยปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มผู้ผลิตโอเปกในเดือน ก.พ.2562 อยู่ที่ระดับ 30.68 ล้าน บาร์เรลต/วัน ปรับลดลงจากปริมาณการผลิตในเดือน ม.ค.2562 ราว 300,000 บาร์เรลต่อวัน และเป็นปริมาณต่ำสุดตั้งแต่ปี 2558
ขณะที่ Bager Hughes รายงานปริมาณแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 1 มี.ค. 2562 ปรับลดลง 10 แท่น มาอยู่ที่ 843 แท่น ซึ่งเป็นจำนวนต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน พ.ค.2561
บมจ.ไทยออยล์คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้ โดยคาดว่าราคาน้ำมันดิบ WTI จะเคลื่อนไหวในกรอบ 54-59 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และราคาน้ำมันดิบเบรนท์จะเคลื่อนไหวในกรอบ 63-68 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล