สัญญาน้ำมันดิบ WTI บวก 0.5% ปิดที่ 57.22 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ขานรับข่าวสต็อกสหรัฐลดเกินคาด ขณะที่นักลงทุนจับตาสัญญาณเศรษฐกิจจีนแผ่ว
เมื่อคืนวันพฤหัส (28 ก.พ.) สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) งวดส่งมอบเดือนเม.ย. ปิดที่ 57.22 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.28 เหรียญสหรัฐ หรือเพิ่มขึ้น 0.5% ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ งวดส่งมอบเดือนเม.ย. ปิดที่ 66.03 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ลดลง 0.36 เหรียญสหรัฐ หรือลดลง 0.5%
สัญญาซื้อขายน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เนื่องจากยังคงขานรับข่าวสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลงมากกว่าที่คาด หลังสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลง 8.6 ล้านบาร์เรลในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 22 ก.พ. สวนทางกับนักวิเคราะห์ที่คาดว่าสต็อกจะเพิ่มขึ้น 2.8 ล้านบาร์เรล
อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบได้รับแรงกดดัน จากความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่ยังคงดำเนินต่อไป ซึ่งล่าสุดนาย Robert Lighthizer ผู้แทนการค้าสหรัฐ ลดความคาดหวังว่าการลงนามข้อตกลงเพื่อยุติข้อพิพาททางการค้าระหว่าง 2 ประเทศจะเกิดขึ้นโดยเร็ว
ส่วนสถานการณ์เศรษฐกิจจีนที่ส่งสัญญาณชะลอตัว เป็นปัจจัยกดดันตลาดและทำให้ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ลดลงเมื่อปิดตลาด โดยเมื่อวานนี้ สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานเมื่อ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนก.พ.ของจีนอยู่ที่ระดับ 49.2 ลดลงจากระดับ 49.5 ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นการลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังคงได้รับแรงกดดันจากรายงานของ EIA ที่ระบุว่า กำลังการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 22 ก.พ. อยู่ที่ระดับ 12.1 ล้านบาร์เรล/วัน เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อน 1 แสนบาร์เรล/วัน และเป็นการเพิ่มขึ้นกว่า 2 ล้านบาร์เรล/วัน เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
ด้านบมจ.ไทยออยล์รายงานสถานการณ์ราคาน้ำมันประจำวันที่ 1 มี.ค. ว่า ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับเพิ่มต่อจากเมื่อวานนี้ จากปริมาณน้ำดิบคงคลังสหรัฐประจำสัปดาห์ปรับลด หลังสหรัฐนำเข้าน้ำมันดิบจากซาอุดิอาระเบียและเวเนซุเอลาลดลง ประกอบกับการปรับลดกำลังการผลิตการกลุ่มโอเปกที่มีอย่างต่อเนื่อง
ส่วนราคาน้ำมันมันดิบเบรนท์ปรับลด จากความกังวลอุปสงค์น้ำมันดิบปรับลดลงหลังตัวเลขเศรษฐกิจจีนและอินเดียซบเซากว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยตัวเลขภาคการผลิตจีนหดตัวเป็นเดือนที่ 3 ในเดือนก.พ. โดยคำสั่งซื้อสำหรับการส่งออกร่วงมากที่สุดนับตั้งแต่เกิดวิกฤตการเงินเมื่อสิบปีที่แล้ว ขณะที่เศรษฐกิจอินเดียชะลอตัวสู่ระดับ 6.6% ในไตรมาส 4 ของปีที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 5 ไตรมาส
ขณะเดียวกัน ข้อตกลงทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่ยังไม่สามารถเจรจากันได้ ส่งผลกดดันต่อตลาดว่าเศรษฐกิจจะไปในทิศทางใด หลังนายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ Robert Lighthizer ผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) แถลงการณ์ว่าสหรัฐฯ และจีนยังไม่มีแนวโน้มที่จะบรรลุข้อตกลงทางการค้าในเร็วๆนี้
ทั้งนี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ออกมาส่งสัญญาณในการประชุมซัมมิตระหว่างผู้นำสหรัฐและผู้นำเกาหลีเหนือในวันที่ 27 ก.พ. ที่ผ่านมาว่า อาจจะไม่มีการเจรจากับจีน หากข้อตกลงที่ได้ไม่เหมาะสม
บมจ.ไทยออยล์คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์หน้า โดยคาดว่าราคาน้ำมันดิบ WTI จะเคลื่อนไหวในกรอบ 53-58 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 63-68 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล