สัญญาน้ำมันดิบ WTI พุ่ง 1.4% ปิดที่ 59.83 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล หลังสต็อกน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐลดลง 9.6 ล้านบาร์เรล ขณะที่กลุ่มโอเปกเดินหน้าลดกำลังผลิตต่อเนื่อง
เมื่อคืนวันพุธ (20 มี.ค.) สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) งวดส่งมอบเดือนเม.ย. ปิดที่ 59.83 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.80 เหรียญสหรัฐ หรือเพิ่มขึ้น 1.4% และสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ งวดส่งมอบเดือนพ.ค. ปิดที่ 68.50 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.89 เหรียญสหรัฐ หรือเพิ่มขึ้น 1.3%
สัญญาซื้อขายน้ำมันดิบล่วงหน้าปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) รายงานสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐร่วงลง 9.6 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 15 มี.ค. ซึ่งเป็นการลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.ปีที่แล้ว และสวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 309,000 บาร์เรล
สัญญาน้ำมันยังได้แรงหนุนจากการปรับลดกำลังการผลิตของซาอุดีอาระเบีย และกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) รวมทั้งการที่สหรัฐคว่ำบาตรการส่งออกน้ำมันของอิหร่านและเวเนซุเอลา
นายคาลิด อัล-ฟาลีห์ รมว.พลังงานของซาอุดีอาระเบีย กล่าวว่า กลุ่มผู้ผลิตน้ำมันจำเป็นต้องปรับลดกำลังการผลิตต่อไปจนถึงช่วงครึ่งปีหลัง เนื่องจากสต็อกน้ำมันยังคงเพิ่มขึ้น
บมจ.ไทยออยล์รายงานสถานการณ์ราคาน้ำมันประจำวันที่ 21 มี.ค. ว่า ราคาน้ำมันดิบเมื่อวานนี้ (20 มี.ค.) ปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐประจำสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 15 มี.ค. ปรับตัวลดลงกว่า 9.6 ล้านบาร์เรล สวนทางกับคาดการณ์ และเป็นการปรับตัวลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.2561
ขณะที่รายงานปริมาณน้ำมันเบนซินและน้ำมันดีเซลคงคลังสหรัฐ ปรับลดลง 4.6 ล้านบาร์เรล และ 4.1 ล้านบาร์เรลตามลำดับ
ด้านรมว.กระทรวงพลังงานของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ให้สัมภาษณ์ว่า จะปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบ ตามข้อตกลง และคาดว่ากลุ่มโอเปกจะสามารถหาข้อสรุปในความร่วมมือระยะยาวกับประเทศพันธมิตรได้ภายใน มิ.ย.นี้
ขณะเดียวกัน ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจของเอเชียในช่วงไตรมาสที่ 1 ของปี 2562 อยู่ที่ระดับ 63 คงที่ จากไตรมาสก่อน โดยยังอยู่ในระดับต่ำ ใกล้ระดับต่ำในรอบ 3 ปีที่ 58 เมื่อไตรมาสที่ 3 ของปี 2561 เนื่องจากจากได้รับผลกระทบจากสงครามการค้า