สัญญาน้ำมันดิบ WTI บวก 1.4% ปิดที่ 56.59 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล หลังสื่อรายงาน “สหรัฐ-จีน” อาจบรรลุข้อตกลงยุติสงครามการค้า 27 มี.ค.นี้ ขณะที่โอเปกยังลดกำลังการผลิตต่อเนื่อง
เมื่อคืนวันจันทร์ (4 มี.ค.) สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) งวดส่งมอบเดือนเม.ย. ปิดที่ 56.59 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.79 เหรียญสหรัฐ หรือเพิ่มขึ้น 1.4% และสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ งวดส่งมอบเดือนพ.ค. ปิดที่ 65.67 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.60 เหรียญสหรัฐ หรือเพิ่มขึ้น 0.9%
สัญญาซื้อขายน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ปรับเพิ่มขึ้น หลังจากหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงานว่า สหรัฐอาจยกเลิกมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเกือบทุกรายการที่ได้บังคับใช้ตั้งแต่ปีที่แล้ว และคาดว่าผู้นำของทั้งสองประเทศอาจจะบรรลุข้อตกลงการค้าอย่างสมบูรณ์ในการประชุมวันที่ 27 มี.ค.นี้
สัญญาน้ำมันดิบได้รับปัจจัยบวกจากรายงานที่ว่า การผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปกในเดือนก.พ.กำลังผลิตอยู่ที่ระดับ 30.68 ล้านบาร์เรล/วัน ลดลง 300,000 บาร์เรล/วันจากเดือนม.ค. และเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2558
ขณะที่นายอเล็กซานเดอร์ โนวัค รมว.พลังงานของรัสเซีย ระบุว่า รัสเซียจะปรับลดการผลิตน้ำมันลง 228,000 บาร์เรล/วัน จากระดับของเดือนต.ค.ปีที่แล้ว
บมจ.ไทยออยล์รายงานราคาน้ำมันประจำวันที่ 5 มี.ค. ว่า ราคาน้ำมันดิบเบรนท์และ WTI เมื่อคืนวันจันทร์ ปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังจีนและสหรัฐมีแนวโน้มที่จะยุติสงครามการค้า (trade war) ซึ่งการประชุมอย่างเป็นทางการจะเกิดขึ้นอีกครั้งในช่วงวันที่ 27 มี.ค.
โดยสหรัฐเรียกร้องให้จีนปรับกฎหมายเพื่อปกป้องสิทธิทางปัญญาให้เคร่งครัดมากขึ้น และอาจส่งผลให้สหรัฐมีความมั่นใจที่จะมาลงทุนบริษัทเทคโนโลยีในจีนมากขึ้น และสหรัฐต้องการในจีนซื้อสินค้าทางการเกษตรและสินค้าโรงงานอื่นๆ อาทิ รถ และเคมีภัณฑ์ ให้มากขึ้น
ขณะที่รัสเซียวางแผนมี่จะเร่งอัตราการลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบ โดยในเดือน มี.ค.2562 คาดว่าจะปรับลดกำลังการผลิตลงราว 228,000 บาร์เรล/วัน เมื่อเทียบกับระดับเดือน ต.ค.2561
ส่วนกลุ่มโอเปกและประเทศพันธมิตรคาดว่า จะยังไม่มีข้อตกลงเกี่ยวกับทิศทางการปรับลดกำลังการผลิตในการประชุมในวันที่ 17-18 เม.ย. ณ กรุงเวียนนา ว่าจะเป็นไปในทิศทางใด อย่างไรก็ตาม โอเปกและประเทศพันธมิตร จะจัดการประชุมอีกครั้งในวันที่ 25-26 มิ.ย. ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปว่าการปรับลดกำลังการผลิตจะขยายเวลาต่อไปหรือไม่
อย่างไรก็ตาม ลิเบียประกาศยกเลิก force majeure หลุมขุดเจาะ El Sharara ซึ่งเป็นหลุมขุดเจาะน้ำมันดิบที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ เมื่อวันที่ 4 มี.ค. หลังหยุดดำเนินการผลิตตั้งแต่เดือน ธ.ค.2561 จากการยึดครองของกองกำลังกบฏ โดยกำลังการผลิตจะเริ่มที่ 315,000 บาร์เรล/วัน ก่อนที่จะปรับเพิ่มสู่ระดับปกติ
บมจ.ไทยออยล์คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้ โดยคาดว่าราคาน้ำมันดิบ WTI จะเคลื่อนไหวในกรอบ 54-59 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และราคาน้ำมันดิบเบรนท์จะเคลื่อนไหวในกรอบ 63-68 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล