สัญญาน้ำมันดิบ WTI ลดลงเล็กน้อย ปิดที่ 56.56 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล หลังจีนหั่นเป้าเศรษฐกิจเหลือ 6-6.5% บ่อน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดในลิเบียกลับมาผลิต ขณะที่นักลงทุนจับตาบทสรุปสงครามการค้าสหรัฐ-จีน
เมื่อคืนวันอังคาร (6 มี.ค.) สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) งวดส่งมอบเดือนเม.ย. ปิดที่ 56.56 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ลดลง 0.03 เหรียญสหรัฐ หรือลดลง 0.05% ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ งวดส่งมอบเดือนพ.ค. ปิดที่ 65.86 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.19 เหรียญสหรัฐ หรือเพิ่มขึ้น 0.3%
สัญญาซื้อขายน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ลดลงเล็กน้อย หลังทางการจีนประกาศเป้าหมายการเติบโตของเศรษฐกิจปีนี้ที่ 6-6.5% ลดลงจากปี 2561 ที่เศรษฐกิจเติบโต 6.6% ท่ามกลางความกังวลว่าเศรษฐกิจจีนจะชะลอตัวจากผลกระทบของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน และจะมีผลทำให้ความต้องการน้ำมันชะลอตัวลง
ขณะเดียวกัน การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนได้เพิ่มความไม่แน่นอนให้กับตลาด โดยนายไมค์ พอมเพโอ รมว.ต่างประเทศสหรัฐ กล่าวว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ปฏิเสธการทำข้อตกลงทางการค้าที่ไม่สมบูรณ์แบบ แต่ทางทำเนียบขาวจะยังทำงานต่อไปเพื่อให้เป็นไปตามความตกลง
สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับแรงกดดัน จากการกลับมาผลิตน้ำมันดิบของบ่อน้ำมัน “เอลชารารา” ซึ่งเป็นบ่อน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดของลิเบีย หลังจากบ่อน้ำมันแห่งนี้ถูกปิดตั้งแต่เดือนธ.ค.ปีที่แล้ว โดยการปิโตรเลียมของลิเบียจะเริ่มต้นการผลิตน้ำมันที่ 80,000 บาร์เรล/วัน ก่อนจะผลิตเต็มกำลังที่ 315,000 บาร์เรล/วัน
อย่างไรก็ตาม รายงานการผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปกในเดือนก.พ.ที่อยู่ที่ระดับ 30.68 ล้านบาร์เรล/วัน ลดลง 300,000 บาร์เรล/วันจากเดือนม.ค. และเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2558 เป็นปัจจัยที่สนับสนุนไม่ให้ราคาน้ำมันดิบลดลงมาก
นอกจากนี้ นักลงทุนยังคงติดตามรายงานสต็อกน้ำมันดิบคงคลังของสหรัฐในรอบสัปดาห์สิ้นสุด 1 มี.ค. ซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยตัวเลขในวันนี้ (6 มี.ค.) เวลา 23.00 น.ตามเวลาประเทศไทย โดยโพลล์สำรวจของเอสแอนด์พี โกลบอลแพลทส์ คาดว่าสต็อกน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้น 1.9 ล้านบาร์เรล
ขณะที่โพลล์สำรวจนักวิเคราะห์ 6 คน ซึ่งสำรวจโดยสำนักข่าวรอยเตอร์ พบว่า โดยเฉลี่ยแล้วสต็อกน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐจะเพิ่มขึ้น 400,000 บาร์เรล
ด้านบมจ.ไทยออยล์รายงานสถานการณ์ราคาน้ำมันประจำวันที่ 6 มี.ค. ว่า ราคาน้ำมันดิบเบรนท์และ WTI เมื่อคืนวันอังคารเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย หลังนักลงทุนยังรอผลสรุปสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังการเจรจามีแนวโน้มที่จะตกลงกันได้ภายในเดือนนี้ โดยการประชุมอย่างเป็นทางการจะเกิดขึ้นอีกครั้งในช่วงวันที่ 27 มี.ค.นี้
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ยังได้รับแรงหนุนจากการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบของผู้ผลิตทั้งในและนอกกลุ่มโอเปก โดยรัสเซียเตรียมที่จะลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบมากขึ้นในเดือน มี.ค.2562 ทั้งนี้ หลังมีข้อตกลงการปรับลดกำลังการผลิตตั้งแต่ ม.ค.2662 ราคาน้ำมันดิบได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 20% ในปีนี้
อย่างไรก็ตาม การเติบโตของความต้องการน้ำมันโลกในปี 2562 คาดว่าจะชะลอตัวลง หลังรัฐบาลจีนได้ปรับลดเป้าหมายการเติบโตของเศรษฐกิจจีนลงเหลือเพียง 6.0-6.5% จากปีก่อนหน้าที่เติบโตในระดับ 6.6% ซึ่งเป็นระดับที่ชะลอตัวที่สุดในรอบเกือบ 30 ปี ทั้งนี้ ประเทศจีนเป็นผู้นำเข้าน้ำมันดิบอันดับ 1 ของโลกในปัจจุบัน
หลังตลาดปิด สถาบันปิโตรเลียมด้านพลังงานของสหรัฐฯ (API) ได้เผยตัวเลขน้ำมันดิบคงคลังของสหรัฐ ในสัปดาห์ที่ผ่านมา พบว่าปรับตัวเพิ่มขึ้น 7.3 ล้านบาร์เรลขึ้นไปแตะระดับ 451.5 ล้านบาร์เรลมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.2 ล้านบาร์เรล โดยตัวเลขอย่างเป็นทางการนั้นทาง EIA จะประกาศในวันนี้
บมจ.ไทยออยล์คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้ โดยคาดว่าราคาน้ำมันดิบ WTI เคลื่อนไหวในกรอบ 54-59 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 63-68 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล