“ศรีสุวรรณ” ฮึ่ม ! ขู่ฟ้อง”กกต.” เลือกตั้งไม่เสร็จใน 150 วัน ฟันอาญามาตรา 68 คุก 5 ปี เตือนใช้บทเรียนในอดีต อย่าหลงเชื่อมือกฎหมายกำมะลอ
9 ม.ค.62-นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย กล่าวว่า ขณะนี้ได้ออกแถลงการณ์เพิ่อเตือนคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ไว้ล่วงหน้าให้ถูกฟ้องร้อง หากจัดเลือกตั้งไม่แล้วเสร็จภายใน 150 วันตามที่รัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 268 กำหนด นับแต่วันที่พระราชบัญญัติประกอบ (พ.ร.ป.) รัฐธรรมนูญตามมาตรา 267 (1) (2) (3) และ (4) มีผลใช้บังคับแล้ว โดยจะครบกำหนดแล้วเสร็จภายในวันที่ 9 พ.ค.2562 ซึ่งคำว่าให้แล้วเสร็จตามรัฐธรรมนูญหมายถึงวันเลือกตั้งรวมวันประกาศผลการเลือกตั้งอย่างน้อย 95 % ต้องแล้วเสร็จด้วย ถึงแม้ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.2561 จะมีบทเฉพาะกาลใน มาตรา 171 “ให้ กกต.ตราพระราชกฤษฎีกากําหนดให้มีการเลือกตั้งทั่วไปภายใน 90 วัน นับแต่วันที่ พ.ร.ป.เลือกตั้ง ส.ส. และพ.ร.ป.การได้มาซึ่งสว. มีผลใช้บังคับ พร้อมกำหนดให้ กกต.กําหนดวันเลือกตั้ง ซึ่งต้องไม่ช้ากว่า 150 วัน นับแต่วันที่พ.ร.ป.เลือกตั้ง ส.ส. มีผลใช้บังคับ อันเป็นเล่ห์กลของการเขียนกฎหมายให้ขัดแย้งกันก็ตาม แต่การตีความเพื่อยืดระยะเวลาการเลือกตั้งออกไปของ กกต.ย่อมเสี่ยงกับการขัดรัฐธรรมนูญ
ทั้งนี้ ในแถลงการณ์ ระบุว่า “เนื่องจากรัฐธรรมนูญมีศักดิ์ของกฎหมายเหนือกว่ากฎหมายทั้งปวง เหนือกว่า พ.ร.ป.เลือกตั้ง ส.ส. ดังนั้นการที่กกต.จะหลงเชื่อพวกเนติบริกร และนักกฎหมายกำมะลอของพรรคการเมืองที่เชียร์รัฐบาลออกมาเสนอแนะให้มีการเลื่อนเลือกตั้ง เพื่อให้รัฐบาล คสช.อยู่ในอำนาจนานขึ้น อาจมีผลประโยชน์แอบแฝงอยู่ด้วยนั้น ขอให้ กกต.ศึกษาบทเรียนในอดีตที่ผ่านมาให้ดี เมื่อถึงเวลานั้นเนติบริกรและนักกฎหมายกำมะลอทั้งหลายช่วยอะไรท่านไม่ได้ หากการดำเนินการเลือกตั้ง ส.ส.ในครั้งนี้ไม่แล้วเสร็จภายใน 150 วัน สมาคมฯ จะเป็นองค์กรแรกที่จะรวบรวมประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งและผู้สมัคร ส.ส. ที่เสียหายจากการใช้อำนาจดังกล่าว ดำเนินการเอาผิดต่อ กกต.ในคดีอาญาตามมาตรา 69 แห่ง พ.ร.ป.ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง 2560 ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท และตามที่กฎหมายอื่นบัญญัติโดยอาจยื่นฟ้องต่อศาลแพ่งเพื่อให้ชดใช้เงินคืนทั้งหมดจากการเลือกตั้ง และฟ้องศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง แต่จะไม่ตกหลุมพรางโดยยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ เพราะเข้าทางผู้มีอำนาจบางคนที่หวังผลให้มีการตีความว่าการเลือกตั้งเป็นโมฆะเพื่อที่จะได้อยู่ในอำนาจต่อไป”