วันนี้ 19 เม.ย. 61 ศาลจังหวัดระนอง ได้นัดอ่านคำพิพากษาคดีร่วมกันฆาตกรรมสาววัยรุ่นระนองคือนางสาวอรวี สำเภาทอง อายุ 18 ปี นักเรียนชั้น ม.6 โรงเรียนสตรีระนอง ซึ่งผู้ร่วมก่อเหตุมี 4 คน โดย 2 คนเป็นเยาวชน เหตุเกิดเมื่อวันที่ 28 ก.ย. 2558 เวลา 19.50 น. ในซอยสำนักสงฆ์สะพานปลา ต.บางริ้น อ.เมือง จ.ระนอง ซึ่งผู้ตายมีบาดแผลตามร่างกายรวม 17 แผล
โดยที่ศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดระนอง 2 คน คดีหมายเลขดำที่ 7/2559 ผู้ต้องหาคือ นายโมซินอ่าว และนายจอโซวิน และที่ศาลจังหวัดระนอง 2 คน คดีหมายเลขดำที่ 115/2559 ผู้ต้องหาคือนายเมาเซ้น หรือ เซกะดอ และนายซอเล โดยมีนางมาริษา สำเภาทอง มารดาของผู้ตาย พร้อมด้วยนางสาวอรพรรณ สำเภาทอง พี่สาวของผู้ตาย ญาติของผู้ต้องหา และทนายของทั้งสองฝ่ายเข้ารับฟังคำพิพากษา
สำหรับการอ่านคำพิพากษาในวันนี้ ได้เลื่อนมาจากวันที่ 29 มีนาคม 2561โดยในวันนี้ศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดระนอง มีคำพิพากษาจำคุกนายโมซินอ่าว จำเลยที่ 1 ที่เป็นผู้ลงมือแทงน้องเปิ้ล เป็นเวลา 4 ปี พร้อมชดใช้ค่าเสียหายทางแพ่ง 810,000 บาท และจำคุกนายจอโซวิน ผู้ร่วมทำร้ายเป็นเวลา 2 ปี ชดใช้ค่าเสียหายทางแพ่ง 270,000 บาท
และศาลจังหวัดระนองมีคำพิพากษาจำคุกนายเมาเซ้น หรือเซกะดอ และนายซอเล คนละ 6 ปี ในข้อหาร่วมกันทำร้ายผู้อื่นจนแก่ความตาย พร้อมร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายทางแพ่ง 570,000 บาท ส่วนนายเมาเซ้น เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน ศาลพิจารณาเห็นว่า ไม่หลาบจำจึงเพิ่มโทษจำคุกอีก 2 ปี เป็นต้องจำคุกเป็นเวลา 8 ปีนางสาวอรพรรณ สำเภาทอง พี่สาวของผู้ตาย กล่าวว่า วันนี้รู้สึกพอใจกับการตัดสินของศาล เพื่อจะได้ทราบว่าใครคือผู้กระทำความผิดที่แท้จริง และหลังจากนี้คงจะไปทำบุญให้กับน้องสาว ส่วนเรื่องค่าเสียหายทางแพ่งที่เกิดขึ้นก็ไม่ได้คาดหวังจะได้อะไร
ขณะที่นายรัษฎา มนูรัษฎา กรรมการสิทธิมนุษยชนสภาทนายความ ในฐานะทนายความของจำเลย กล่าวว่า เคารพในคำตัดสินของศาล แต่ไม่เห็นด้วยในหลายประเด็น ทั้งเรื่องของบาดแผลที่ไม่ตรงกับลักษณะมีด รวมถึงมีอีกหลายประเด็นที่ศาลยังไม่ได้หยิบมาพิจารณา ทั้งเรื่องที่จำเลยบอกว่า รับสารภาพเพราะโดนทำร้ายซึ่งมีร่องรอยที่ลำคอเหมือนกัน หรือประเด็น ดีเอ็นเอ ที่ตรวจแล้วไม่พบ รวมไปถึงการมีพยานคนกลางที่พบเห็นจำเลยคนหนึ่งที่แพในช่วงเวลาที่เกิดเหตุ โดยจะมีการยื่นอุทธรณ์ต่อทั้ง 4 คนอย่างแน่นอน
นางขิ่นโซวิน มารดาของนายจอโซวิน จำเลยในศาลเยาวชนที่ 2 กล่าวว่า ตนเชื่อในความบริสุทธิ์ของลูก และเชื่อมั่นว่า ลูกไม่ได้ทำ ซึ่งลูกชายของตนถูกตัดสินจำคุก 2 ปี โดยในขณะนี้ก็ได้ถูกควบคุมตัวครบ 2 ปีแล้ว โดยในวันนี้ดีใจที่จะได้เห็นลูกออกมาสู่โลกภายนอก แต่เสียใจที่ศาลตัดสินว่า ลูกมีความผิด แต่ถึงอย่างไรก็จะต่อสู้ในชั้นอุทธรณ์ต่อไป เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธ์