สนช.มีมติ 133 เสียงต่อ 0 เสียง เห็นชอบร่างพ.ร.บ.ไซเบอร์ฯ วาระที่ 3 ให้อำนาจรัฐคุมเบ็ดเสร็จ หากเกิดภัยคุกคามไซเบอร์ร้ายแรงให้ เจ้าหน้าที่รัฐ“ค้น-ยึด-เจาะ” ข้อมูลได้
เมื่อวันที่ 28 ก.พ. ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีมติเห็นชอบร่างพ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พ.ศ. ….หรือร่างพ.ร.บ.ไซเบอร์ ในวาระที่ 3 ด้วยคะแนนเสียง 133 เสียง ไม่เห็นชอบ 0 เสียง และงดออกเสียง 16 เสียง โดยจะประกาศใช้เป็นกฎหมายต่อไป
สำหรับบรรยากาศการอภิปรายร่างกฎหมายฉบับนี้ สมาชิกสนช.ไม่ติดใจสงวนคำแปรญัตติร่างพ.ร.บ.ไซเบอร์ ที่คณะกรรมาธิการวิสามัญฯเสนอ มีเพียงการตั้งคำถามเพื่อให้คณะกรรมาธิการอธิบายในรายละเอียดเท่านั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สาระสำคัญของร่างพ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ กำหนดให้คณะกรรมการกำกับดูแลด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ (กกม.) สามารถออกคำสั่งให้สำนักงานคณะกรรมการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ ดำเนินการตามมาตรา 60 เช่น รวบรวมข้อมูลหรือพยานเอกสาร พยานบุคคล พยานวัตถุที่เกี่ยวข้องเพื่อวิเคราะห์สถานการณ์และประเมินผลกระทบจากภัยคุมคามทางไซเบอร์ เป็นต้น หากปรากฏแก่ กกม.ว่า เกิด หรือคาดว่า จะเกิดภัยคุกคามทางไซเบอร์ในระดับร้ายแรงด้วย
ส่วนมาตรา 61 ยังให้อำนาจเลขาธิการคณะกรรมการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ สั่งให้พนักงานเจ้าหน้าที่เข้าไปในอสังหาริมทรัพย์ หรือสถานประกอบการที่เกี่ยวข้อง หรือคาดว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ของบุคคล หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยได้รับความยินยอมจากผู้ครอบครองสถานที่นั้นด้วย
ขณะที่มาตรา 65 ระบุว่าว่า ในกรณีที่ กกม. เห็นว่า มีภัยคุกคามไซเบอร์ในระดับที่ร้ายแรงขึ้นไป ให้เจ้าหน้าที่รัฐสามารถตรวจค้นสถานที่ได้ และสามารถค้นคอมพิวเตอร์ เข้าถึงข้อมูล เข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์ เจาะระบบ หรือทำสำเนาเอาข้อมูลทั้งหมดในคอมพิวเตอร์หรือในระบบคอมพิวเตอร์ไปได้ รวมถึงสามารถยึดหรืออายัดคอมพิวเตอร์ไว้ได้ หากมีเหตุอันควรเชื่อว่ามีความเกี่ยวข้องกับภัยคุกคามไซเบอร์
ขณะเดียวกัน ในกรณีที่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วนและเป็นภัยคุกคามทางไซเบอร์ในระดับวิกฤต มาตรา 67 ของกฎหมายฉบับนี้ระบุว่า ให้คณะกรรมการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ มอบหมายให้เลขาธิการมีอำนาจดำเนินการได้ทันทีเท่าที่จำเป็นเพื่อป้องกัน และเยียวยาความเสียหายก่อนล้วงหน้าได้ โดยไม่ต้องยื่นคำร้องต่อศาล แต่หลังจากการดำเนินการดังกล่าวให้แจ้งรายละเอียดการดำเนินการดังกล่าวต่อศาลที่มีเขตอำนาจทราบโดยเร็ว
นอกจากนี้ ในกรณีร้ายแรงหรือวิกฤต เพื่อประโยชน์ในการป้องกันและลดความเสี่ยง ให้เลขาธิการโดยความเห็นชอบของให้คณะกรรมการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ หรือ กกม.มีอำนาจขอข้อมูลที่เป็นปัจจุบัน และต่อเนื่องจากผู้ที่เกี่ยวข้องกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ โดยผู้นั้นต้องให้ความร่วมมือและให้ความสะดวกแก่คณะกรรมการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ หรือ กกม.โดยเร็ว
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ เว็บไซด์ “iLaw” แสดงความกังวลเกี่ยวกับร่างพ.ร.บ.ไซเบอร์ไว้ 8 ประเด็น และเปิดช่องให้เจ้าหน้าที่รัฐสอดส่องบุคคลที่เห็นต่างได้
อ่านเพิ่มเติม : สนช.ถก “ร่างกม.ไซเบอร์” พรุ่งนี้ เปิดช่องรัฐ “ล้วง” ข้อมูลคนเห็นต่าง http://www.brighttv.co.th/latest-news/351965