สั่ง “ทรูมูฟ-ดิจิตอลโฟน” คืนเงิน 4.2 พันล้าน

วันนี้ (5 ก.ย.) นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมกสทช. มีมติเห็นชอบให้บริษัท ทรู มูฟ นำส่งเงินรายได้จากการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่บนคลื่นความถี่ 1800 MHz นับตั้งแต่วันที่เข้าสู่มาตรการคุ้มครองผู้ใช้บริการเป็นการชั่วคราวตามประกาศ กสทช. เรื่อง มาตรการคุ้มครองผู้ใช้บริการเป็นการชั่วคราวในกรณีสิ้นสุดการอนุญาต สัมปทาน หรือสัญญาการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ พ.ศ. 2556 หรือตั้งแต่วันที่ 16 ก.ย. 2556 ถึงวันที่ 3 ธ.ค. 2558 เป็นเงินทั้งสิ้น 3,381 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม เนื่องจาก กทค. ได้เคยมีคำสั่งตามมติที่ประชุม ครั้งที่ 17/2558 ให้บริษัทฯ นำส่งรายได้ช่วงที่ 1 หรือตั้งแต่วันที่ 16 ก.ย. 2556-17 ก.ค. 2557 ไปแล้ว เป็นจำนวน 1,069 ล้านบาท ดังนั้น ที่ประชุม กสทช.จึงมีคำสั่งให้บริษัทฯ จะต้องนำส่งเงินรายได้เพิ่มเติมอีก 2,311 ล้านบาท พร้อมนำส่งดอกผลและดอกเบี้ยผิดนัดชำระหนี้ที่เกิดขึ้น มายังสำนักงาน กสทช. เพื่อที่สำนักงาน กสทช. จะได้นำส่งเป็นรายได้แผ่นดินต่อไป

พร้อมกันนั้น ที่ประชุมกสทช. ยังมีมติเห็นชอบให้บริษัท ดิจิตอล โฟน นำส่งเงินรายได้จากการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่บนคลื่นความถี่ 1800 MHz ในช่วงคุ้มครองผู้ใช้บริการ ซึ่งนับตั้งแต่วันที่ 16 ก.ย. 2556 ถึงวันที่ 25 พ.ย. 2558 เป็นเงิน 869 ล้านบาท แต่เนื่องจาก กทค. ได้เคยมีคำสั่งตามมติที่ประชุม ครั้งที่ 17/2558 ให้บริษัทฯ นำส่งรายได้ช่วงที่ 1 ไปแล้ว เป็นจำนวน 627 ล้านบาท ดังนั้น จึงมีคำสั่งให้บริษัทฯ จะต้องนำส่งเงินรายได้เพิ่มเติมเป็นจำนวน 241 ล้านบาท พร้อมนำส่งดอกผลและดอกเบี้ยผิดนัดชำระหนี้ที่เกิดขึ้น มายังสำนักงาน กสทช. เพื่อนำส่งเป็นรายได้แผ่นดินต่อไป

นายฐากร กล่าวว่า ที่ประชุมกสทช.ยังมีมติเห็นชอบค่าใช้จ่ายของบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) ที่เกิดจากการใช้โครงข่ายในการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่บนคลื่นความถี่ 1800 MHz ในระยะเวลาคุ้มครองผู้ใช้บริการหรือตั้งแต่วันที่ 16 ก.ย. 2556 ถึงวันที่ 25 พ.ย. 2558 เป็นเงิน 2,300 ล้านบาท แบ่งเป็นค่าใช้จ่ายในการใช้โครงข่ายของบริษัท ทรู มูฟ 1,875 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายในการใช้โครงข่ายของบริษัท ดิจิตอล โฟน 425 ล้านบาท ทั้งนี้ เมื่อหักค่าใช้จ่ายที่ กทค. ได้เห็นชอบให้บริษัท ทรู มูฟ และบริษัท ดิจิตอล โฟน ในช่วงที่ 1 ไปแล้ว ค่าใช้จ่ายในการใช้โครงข่ายของบริษัท ทรู มูฟ จะมีจำนวน 1,280 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายในการใช้โครงข่ายของบริษัท ดิจิตอล โฟน จะมีจำนวน 231 ล้านบาท

“หากมีข้อเท็จจริงเพิ่มเติมว่าผู้ให้บริการยังคงมีเงินรายได้ที่ต้องนำส่งตามประกาศมาตรการคุ้มครองฯ พ.ศ. 2556 เพิ่มเติมอีก กสทช. จะพิจารณาเรียกเก็บเพิ่มเติมต่อไป”นายฐากรระบุ

นอกจากนี้ ที่ประชุม กสทช. ยังได้พิจารณากรณีบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) ขอทบทวนมติที่ประชุม กสทช. เรื่อง แผนความคุ้มครองผู้ใช้บริการ สิ้นสุดสัญญาสัมปทาน ในย่าน 850 MHz โดยขอให้ผู้ใช้บริการได้รับความคุ้มครองตามประกาศ กสทช. โดยที่ประชุมเห็นว่า เรื่องดังกล่าวมีความสำคัญ และมีผลกระทบต่อผู้ใช้บริการ จึงมอบหมายให้สำนักงาน กสทช.รวบรวมข้อมูลเพิ่มเติม และนัดประชุม กสทช. วาระพิเศษ เพื่อนพิจารณาเรื่องนี้ในวันที่ 12 ก.ย.นี้ ก่อนที่สัญญาสัมปานจะสิ้นสุดในวันที่ 15 ก.ย.2561

ทั้งนี้ ณ วันที่ 31 ก.ค.2561 ดีแทคฯ มีผู้ใช้บริการคลื่นความถี่ 850 MHz จำนวน 3.46 แสนเลขหมาย เป็นผู้ใช้บริการประเภทบุคคล 1.69 แสนเลขหมาย และผู้ใช้บริการประเภทองค์กร 1.77 แสนเลขหมาย

วันเดียวกัน ดีแทค ออกแถลงการณ์ว่า ผิดหวังต่อกรณีที่คณะกรรมการ กสทช. ยังไม่ได้ตัดสินใจต่อการที่ดีแทค และกสท โทรคมนาคม ร่วมยื่นแผนคุ้มครองลูกค้าใช้งานมือถือคลื่น 850 MHz และ 1800 MHz โดยขณะนี้เหลือระยะเวลาประมาณ 10 วัน จะหมดสัมปทานระหว่างดีแทคและกสท โทรคมนาคม ซึ่งหาก ดีแทคต้องยุติการใช้งาน 3G บนคลื่น 850 ทันทีในวันที่ 15 ก.ย.2561 คาดว่าจะมีลูกค้าได้รับผลกระทบเป็นจำนวนมาก

นายราจีฟ บาวา รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มกิจการองค์กรและพัฒนาธุรกิจ บริษัท ดีแทค กล่าวว่า คลื่น 850 MHz เป็นคลื่นที่มีความสำคัญต่อผู้ใช้งานพื้นที่ชนบทหรือผู้ที่อาศัยในพื้นที่ห่างไกล ดังนั้นคลื่นนี้จึงมีความสำคัญต่อการคุ้มครองให้ใช้บริการต่อเนื่องเป็นการชั่วคราว เพื่อไม่ให้ผู้ใช้งานได้รับผลกระทบจนกว่าคลื่นความถี่จะถูกนำไปใช้งานด้วยการจัดสรรให้ผู้ประกอบการรายใหม่ ซึ่งการดูแลผู้ใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่ให้ใช้งานต่อเนื่องถือเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของ กสทช. ที่จะคุ้มครองลูกค้าร่วมกับดีแทค และที่ผ่านมา ผู้ประกอบการรายอื่นล้วนได้รับความคุ้มครองจากกสทช. ทั้งสิ้น

ทั้งนี้ ตามประกาศ กสทช. ได้มีระบุมาตรการคุ้มครองผู้ใช้บริการเป็นการชั่วคราวในกรณีสิ้นสุดการอนุญาต สัมปทาน หรือสัญญาการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ภายใต้สัญญาให้บริการเดิม จากการที่คลื่นความถี่ที่ถือครองกำลังจะสิ้นสุดสัมปทาน เพื่อให้ผู้ใช้งานที่ยังอยู่ในระบบสัมปทานเดิม “ซิมไม่ดับ” และมั่นใจในการใช้บริการอย่างต่อเนื่อง การนำคลื่นความถี่ซึ่งเป็นทรัพยากรของประเทศทิ้งไว้โดยเปล่าประโยชน์ ไม่เพียงแต่ทำให้ลูกค้าดีแทคได้รับผลกระทบเท่านั้น ยังส่งผลถึงการสร้างรายได้ให้กับรัฐในการจัดการคลื่นความถี่ช่วงคุ้มครองชั่วคราวอีกด้วย

ขณะที่ บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น ได้ส่งเอกสารถึงตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย แจ้งความคืบหน้าที่สำคัญถึงกรณีที่ประชุมกสทช.ได้มีมติเรียกให้ทรูมูฟนำส่งเงินรายได้ช่วงระยะเวลาเยียวยาผู้ใช้บริการ และกรณีข้อพิพาทกับ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) เกี่ยวกับการให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง (ADSL) โดยระบุว่า บริษัทไม่เห็นด้วยกับมติของที่ประชุมกสทช. วันนี้ (5 ก.ย.) ที่ให้ทรูมูฟนำส่งเงินรายได้จากการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่บนคลื่นความถี่ 1800MHz ในช่วงคุ้มครองผู้ใช้บริการ เป็นเงิน 3,381 ล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงเกินจริง

ส่วนกรณีข้อพิพาทกับบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ในเรื่องการเรียกค่าเสียหายจากการขาดรายได้จากการให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง (ADSL) ซึ่งบริษัทฯ ได้รับคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการเมื่อวานนี้ (4 ก.ย. 2561) ให้บริษัทฯ ต้องชำระเงินพร้อมดอกเบี้ยนั้น บริษัทฯ ขอเรียนให้ทราบว่า คดีดังกล่าวยังไม่ถึงที่สุด และบริษัทจะดำเนินการอุทธรณ์ตามขั้นตอนทางกฎหมาย เพื่อขอให้ศาลเพิกถอนคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการดังกล่าวต่อไป

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า