คุณป้ามือขวานที่ถูกรถกระบะจอดขวางหน้าบ้าน แล้วออกมาใช้ขวานฟันไปที่รถ จนสังคมวิพากษ์วิจารณ์แตกเป็น2ฝ่าย ว่าพฤติกรรมของคุณป้ารายนี้ เหมาะสมแล้วหรือไม่ ล่าสุด คุณรายนี้พร้อมครอบครัว ตั้งโต๊ะแถลงข่าวหน้าบ้านเปิดใจว่า ทำไมถึงต้องทำแบบนี้ ลั่น ไม่จ่ายค่าเสียหายโยนให้กทม.รับผิดชอบ
เมื่อช่วงสายที่ผ่านมา นางสาวบุญศรี แสงหยกตระการ เจ้าของบ้านเลขที่ 37/208 ซอยหมู่บ้านเสรีวิลล่า แยก 2 เขตประเวศ พร้อมครอบครัวแถลงชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีที่ปรากฏคลิปเหตุการณ์ใช้ขวานและเหล็กยาวทุบทำลายรถยนต์ที่จอดขวางบริเวณประตูทางออกหน้าบ้าน เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
นางสาวบุญศรี ชี้แจงว่า เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นเนื่องจากครอบครัวตนเอง ต้องการออกจากบ้านไปทำธรุะ แต่ขณะนั้นมีรถกระบะคู๋กรณี จอดขวางประตูบ้าน จึงพยายาม กดแตรเรียกคนที่เป็นเจ้าของรถให้มาเลื่อนออก พร้อมโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สอบถามหาเจ้าของรถ แต่ไม่มีบุคคลใดมาแสดงตัวเป็นเจ้าของ ซึ่งเมื่อเจ้าของรถมาถึง ระบุเพียงว่าได้ยินเสียงแตรแล้ว แต่ยังซื้อของไม่เสร็จ จากนั้นเจ้าของรถก็ยังไม่ยอมเลื่อนรถทันที ยังประวิงเวลาทำธุระอยู่อีกนานเกือบ 30 นาที จึงตัดสินใจใช้เครื่องมือทำลายสิ่งกีดขวางทางเข้าออกบ้าน มาทุบรถจนเสียหาย
ส่วนการใช้ขวานไปฟันรถคู่กรณี นางสาวบุญศรีบอกว่า การกระทำของตนเอง มองว่า ไม่ใช่การทำเกินกว่าเหตุ เพราะเป็นความชอบธรรมในการปกป้องสิทธิ์ของตนเอง เนื่องจากพื้นที่นี้เป็นพื้นที่หมู่บ้านจัดสรร ไม่ใช่พื้นที่สาธารณะ และปัจจุบันปัญหาเรื่องความเดือดร้อนจากการทำตลาด ยังอยู่ในความคุ้มครองของศาลปกครองที่สั่งห้ามไม่ให้เปิดตลาดในพื้นที่ ส่วนเรื่องที่จะถูกฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากการทำลายรถ ขอให้ไปร้องเรียนกับทางกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นผู้ที่อนุญาตให้สร้างตลาดนี้ขึ้นมา
นอกจากนี้ยังเล่าถึงปัญหาที่ต่อสู้มานานกว่า 10 ปี ทั้งเรื่องเสียงดังสร้างความเดือดร้อนรำคาญระหว่างการขนส่งสินค้าเข้าตลาด การจอดรถกีดขวางทางเข้าออกทำลายต้นไม้ที่ปลูกไว้ริมกำแพงบ้าน การแอบอ้างใช้เลขที่บ้านเป็นเลขที่ของตลาด รวมถึงปัญหาการลักลอบใช้ไฟฟ้า จนทำให้ค่าไฟเพิ่มขึ้นเป็นหลักหมื่นบาท ซึ่งทั้งหมดมีการฟ้องร้องไปยังศาลปกครองแล้ว 3 คดี ซึ่งคดีที่ 1 และ 2 มีคำสั่งให้คุ้มครองแล้ว และเรื่องที่เกิดขึ้นก็จะร้องเรียนไปยังศาลว่า ยังคงมีการละเมิดคำสั่งศาล
ส่วนกรณีที่โซเชียลมีการระบุว่า เคยมีคนชีวิตเสียภายในบ้านเพราะถูดรถจอดกีดขวาง เจ้าของบ้านบอกว่า ไม่เป็นความจริง แต่เป็นเพื่อนบ้านละแวกนี้ที่ญาติป่วยเข้าขั้นโคม่า แต่ไม่สามารถไปส่งโรงพยาบาลได้ทัน ส่วนบ้านของตนเองก็ได้รับผลกระทบเคยมีผู้ป่วยแต่ก็ต้องรอรถที่จอดกีดขวางหมดไปก่อน จึงจะสามารถออกจากบ้านได้