อดีตแกนนำ “ทษช. “ปราศรัยใหญ่ ปลุกเลือกฝ่ายปชต.ให้ถล่มทลาย หยุดเผด็จการสืบทอดอำนาจ
13 มี.ค.62-ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อดีตแกนนำพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) อาทิ นายจาตุรนต์ ฉายแสง นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ นายก่อแก้ว พิกุลทอง นายนิคมไวยรัชพานิช นายประภัสร์ จงสงวน นายแพทย์เหวง โตจิราการ นายแพทย์เชิดชัย ตันติศิรินทร์ นางสาวอรุณี กาสยานนท์ นายพชร ธรรมมล และนางสาวชญาภา สินธุไพร เปิดเวทีปราศรัยก้าวต่อไปเพื่อประชาธิปไตยเป็นครั้งแรก ที่ลานข้างที่ทำการป่าไม้ตลาด อ.หนองพอก จ.ร้อยเอ็ด
นพ.เหวง กล่าวว่า 4-5 ปีที่ผ่านมาผู้บริหารประเทศใช้เงินไปแล้ว 16 ล้านล้านบาท แต่ยิ่งใช้เงินไปแล้ว คนยิ่งจนลง จากการสำรวจปี 2558 ประเทศไทยมีความช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนเป็นอันดับ 3 ของลูก และปีล่าสุดกลายเป็นเหลื่อมล้ำที่สุดในโลก และหากปล่อยให้บริหารประเทศต่อไป ก็จะย่ิงดำดิ่งลงเหว 5 ปีที่ผ่านมาเป็นบทพิสูจน์แล้วว่าเผด็จการทำลายบ้านเมืองอย่างย่อยยับ เพราะฉะนั้นอย่าไปเลือกพรรคเผด็จการ ให้เลือกพรรคประชาธิปไตย เนื่องจากที่ผ่านมาพรรคฝ่ายประชาธิปไตยทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดี เช่น หากรัฐบาล น.ส.ยิง่ลักษณ์ ชินวัตร ถ้าได้บริหารประเทศต่อในปี 2557-2558 รายรับจะพอดีกับรายจ่าย ขณะที่สมัยรัฐบาล นายทักษิณ ชินวัตร ทำให้รายรับสูงกว่ารายจ่าย ตรงกันข้ามทหารบริหารประเทศ สร้างหนี้กว่า 7 ล้านล้านบาท
“ถ้ารัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งจะสามารถทำให้รายได้จากการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นเป็น 4 ล้านล้าน แต่รัฐบาลทหารทำได้แค่ 3 ล้านล้านบาท แถมรองนายกรัฐมนตรียังทำให้ประเทศสูญเสียนักท่องเที่ยวชาวจีนหายไปจำจวนมาก การส่งออกทุกวันนี้ค่าเงินบาทแข็งตัวทำให้ไม่สามารถส่งออกสินค้าไปสู่ต่างประเทศได้ การส่งออกติดลบ 5.7% สูญเงินส่งออกกว่า 4 แสนล้านบาท ดังนั้นหากได้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งก็จะสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้”นพ.เหวงระบุ
ด้านนายนิคม กล่าวว่า ตนมีความผูกพันกับจังหวัดร้อยเอ็ด เพราะโตมาในฐานะนักการเมืองจากจังหวัดร้อยเอ็ด พร้อมกล่าวต่อว่าถ้าเมื่อใดที่ประเทศถูกปกครองโดยเผด็จการประชาชนจะอยู่ไม่ได้ และถ้าเรายังสนับสนุนให้บุคคลเหล่านี้ปกครอง ประเทศต่างๆ ก็จะไม่ยอมเจรจาค้าขายกับประเทศไทย ดังนั้นมีอยู่วิธีเดียว อาวุธชิ้นเดียว คือปากกา ไปสู้กับอำนาจที่ไม่เป็นธรรม วันที่ 24 มี.ค.ทุกคนเข้าคูหากาพรรคฝ่ายประชาธิปไตยอย่างเดียว และต้องเข้าไปกาให้ชนะถล่มทลายแบบพม่า หรือมาเลเซีย ไม่อย่างนั้นจะไม่สามารถชนะได้
ขณะที่นายจาตุรนต์ กล่าวว่า 5 ปีที่ผ่านประชาชนเดือดร้อนซึ่งบริหารโดย คสช. และหากให้บริหารต่อ คสช. ก็จะบริหารต่อไปอีก 20 ปี แถมกติกาในรัฐธรรมนูญก็ไม่เป็นธรรมชาวร้อยเอ็ดทั้งจังหวัดเลือิก ส.ส. ได้ 7 คน แต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา คนเดียวเลือก ส.ว. ได้ถึง 250 คนและมีสิทธิ์มาโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ดังนั้นการไม่ไปลงคะแนนบ้าง แบ่งคะแนนไปให้คนโน้นคนนี้บ้าง ก็จะไม่ชนะการเลือกตั้ง แต่ต้องลงคะแนนเสียงกันอย่างล่มทลาย เหมือนกับอดีตที่ผ่านมา แม้จะมีการวาวงกติกาเพื่อป้องกันไม่ให้พรรคการเมืองสายไทยรักไทยชนะการเลือกตั้ง แต่สุดท้ายพรรคพลังประชาชนก็ได้บริหารประเทศ ดังนั้นการเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นการพิสูจน์อีกครั้ง ว่าชาวร้อยเฮ็ดไม่เอาเผด็จการหวังสืบทอดอำนาจ เงินซื้อไม่ได้ และจะเลือกฝ่ายประชาธิปไตยเท่านั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นกลุ่มก้าวต่อไปเพื่อประชาธิปไตย จะปราศรัยอีก 2 เวทีที่อ.ธวัชบุรี และวัดป่าทรงธรรม อ.เมืองร้อยเอ็ด ส่วนในวันพรุ่งนี้จะเดินทางไปปราศรัยที่อำเภอหนองบุญมาก จังหวัดนครราชสีมา เวลา 17.00 น. และวันศุกร์ที่ 15 มี.ค. จะเดินทางไปปราศรัยที่ศาลากลาง จ.ฉะเชิงเทรา เวลา 17.00 น.