หนุ่มเมายาบ้าคลั่ง ใช้ไม้ทำร้ายตำรวจอาการสาหัส ได้เสียชีวิตแล้ว พบประวัติติดยาเสพติด 5 ปี เคยก่อเหตุทำร้ายชาวบ้าน, พยายามข่มขืน และเพิ่งพ้นโทษ
จากกรณี ร.ต.ท.วิทยา อาจหาญ รอง สวป.สภ.ภักดีชุมพล ถูกนายวายุ อายุ 27 ปี คนร้ายเมายาเสพติดคลั่งกระโดดถีบจนล้มและใช้ไม้หน้าสามกระหน่ำตีจนบาดเจ็บสาหัสและสลบกลางถนน จากนั้นนายวายุได้ถูกชาวบ้านรุมตีและจับกุมตัวไว้ได้ก่อนถูกส่งไปสงบสติอารมณ์ที่สถานีตำรวจภูธรภักดีชุมพล ก่อนจะเสียชีวิตในเวลาต่อมา
ล่าสุดผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ต้องหารายนี้เคยตกเป็นเหยื่อทาสยาบ้ามานานกว่า 5 ปี ในตลอดช่วง 5 ปีที่ผ่านมาทั้งเคยก่อนเหตุประวัติโชกโชนมักมีเรื่องทะเลาะวิวาทไล่ตีไล่ต่อยชาวบ้านในพื้นที่ไปทั่ว ก่อนที่จะก่อเหตุพยายามข่มขืนสาวในหมู่บ้านจนต้องติดคุกกว่า 2 ปี เพิ่งพ้นโทษออกมาไม่นาน จนมาถึงครั้งนี้เสพยาบ้าหลอนหนัก ก่อนนำจม.เขียนด้วยลายมือตัวเองไปส่งไว้ในกล่องรับร้องทุกข์ที่หน้าบ้าน สมาชิก อบต.ประจำหมู่บ้าน “พบข้อความสุดคลั่งจะฆ่ามันให้หมดประเทศ”
จากนั้นผู้ต้องหาได้ก่อเหตุไล่ทำร้ายพ่อและชาวบ้านไปทั่ว จนมีการแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยมี ร.ต.ท.วิทยา พร้อมตำรวจนายอื่นๆมาช่วยระงับเหตุแต่เกิดพลาดท่าถูกหนุ่มคลั่งใช้ไม้หน้าสามไล่ตีจนหมดสติได้รับบาดเจ็บสาหัส
ขณะที่ พล.ต.ต.สุภากร คำสิงห์นอก รักษาการแทนรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 เปิดเผยว่า กรณีที่มีญาติบางส่วนยังติดใจการเสียชีวิตของผู้ต้องหารายนี้ ก็เป็นสิทธิที่จะทำได้ แต่ผลจากการตรวจสอบเบื้องต้นขณะเกิดเหตุที่หนุ่มคลั่งรายนี้ได้ใช้ไม้ไล่ตีร.ต.ท.วิทยา จนล้มลงหมดสติแล้ว ก่อนที่จะมีเพื่อนตำรวจที่มาด้วยอีกนายพร้อมทั้งพ่อของผู้ต้องหารายนี้เองคือ นายประดิษฐ์ กัญญาประสิทธิ์ อายุ 50 ปี เอง และชาวบ้านใกล้เคียงอีก 1-2 คนวิ่งออกมาช่วยกันจับตัวผู้ก่อเหตุรายนี้ไว้และใช้กำลังเข้าทุบตีผู้ต้องหารายนี้ให้หยุดคลั่งเพื่อจับตัวหมอบลงกับพื้นที่ถนนตามภาพคลิปที่มีชาวบ้านใกล้เคียงถ่ายไว้ได้ จนผู้ต้องหารายนี้ได้รับบาดเจ็บก่อนถูกจับมัดมือเท้ามาควบคุมตัวให้สงบสติอารมณ์ที่โรงพัก ซึ่งเบื้องต้นสาเหตุที่ไม่มีการส่งตัวผู้ต้องหารายนี้ไปรักษาตัวที่รพ.ภักดีชุมพลทันที ก็เนื่องด้วยทางผู้เป็นบิดาผู้ต้องหารายนี้เอง มีความประสงค์อยากให้มีการควบคุมตัวบุตรชายที่ยังมีอาการคุ้มคลั่งไว้ในห้องขังเพื่อช่วยสงบสติอารมณ์ก่อน เพราะกลัวไปไล่ทำร้ายแพทย์ในโรงพยาบาลเกิดเหตุซ้ำซ้อนขึ้นมาได้อีก
พล.ต.ต.สุภากร กล่าวต่อว่า ก่อนที่ทางญาติเองที่มีทั้งนางสาวสถิต กัญญาประสิทธิ์ อายุ 34 ปี อาผู้ต้องหาและนายภัทราวุฒิ แตงหอม อายุ 45 ปี อาเขยของผู้ต้องหา จะนำยาแก้ปวดและยาแก้อักเสบมาให้ผู้ต้องหากินเพื่อช่วยแก้อาการบาดเจ็บ และระบุว่าผู้ต้องหาไม่กินยาแก้อักเสบกินแต่ยาแก้ปวดเข้าไปเท่านั้น และติดว่าอ้างว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.ภักดีชุมพล ทำไม่ไม่ส่งหลานไปรักษาที่รพ.ทันที แต่ทำไมนำตัวมาควบคุมไว้ในห้องขัง เรื่องนี้อยากให้ทางญาติอาทั้ง 2 ท่าน ไปถามต่อนายประดิษฐ์ กัญญาประสิทธิ์ อายุ 50 ปี ซึ่งเป็นบิดาของผู้ต้องหาเอง ที่ยังไม่อยากให้พาผู้ต้องหารายนี้ไปโรงพยาบาลเอง เพราะกลัวว่าไปแล้วจะไปก่อเหตุไล่ทำร้ายคนทั่วโรงพยาบาลได้อีก
พล.ต.ต.สุภากร กล่าวอีกว่า ต่อมามีรายงานจากพนักงานสอบสวนว่าพบผู้ต้องหามีอาการชักเกรง จึงช่วยกันนำตัวไปส่งรักษาตัวที่รพ.ภักดีชุมพล แต่ผู้ต้องหาได้เสียชีวิตในเวลาต่อมาเมื่อช่วงเช้าวันนี้ ซึ่งสาเหตุการเสียชีวิตก็ยังไม่สามารถสรุปได้ ต้องรอให้มีการส่งศพผู้ต้องหารายนี้ไปผ่าตรวจพิสูจน์ที่รพ.ตำรวจ เพื่อยืนยันผลสาเหตุการตายที่แน่ชัดออกมาก่อนอีกครั้งได้
ทางด้าน นางสาวสถิต อาของผู้ต้องหาและนายภัทราวุฒิ อาเขยของผู้ต้องหา กล่าวว่า ขอความเป็นธรรมให้ผู้ต้องหารายนี้ด้วยว่า ที่ผ่านมาไม่ใช่ไม่ต้องการให้หลานผู้ต้องหาไปหาหมอ พยายามขอเจ้าหน้าที่แล้วหลายครั้งนี้แต่อ้างว่านายยังไม่สั่ง ก่อนที่จะมาเยี่ยมหลานอีกครั้งเมื่อช่วงเวลาประมาณ 07.30 น.วันที่ 8 ต.ค.61 ที่ผ่านมา ก็มาพบจนท.แจ้งว่า หลานผู้ต้องหาไม่สบายต้องรีบนำตัวส่งรพ.ภักดีชุมพล เป็นการด่วนตั้งแต่ช่วงเช้าแล้ว พอตามไปพบว่าหลานเสียชีวิตแล้ว ซึ่งจากอาการบาดเจ็บก็ยังไม่เชื่อว่าหลานจะถึงขั้นเสียชีวิต หากไม่มีการถูกทำร้ายร่างกายหนักเพิ่มอีก
นางสาวสถิต กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาก็ยอมรับว่าหลานชาย เป็นคนมีอารมณ์รุนแรง หลังมีการเสพยาบ้ามาแต่ละครั้งก็จะมีเรื่องทะเลาะไล่ตีคนในหมู่บ้านและก่อเหตุมาบ่อยครั้งตลอดช่วง 5 ปีที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 8 ต.ค. 61 เจ้าหน้าที่ได้ส่งตัว ร.ต.ท.วิทยา ไปถึงรพ.ตำรวจ เพื่อให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจัดทีมผ่าตัดสมองด่วน โดยมีพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. เป็นตัวแทนเข้าเยี่ยมอาการและ ผู้แทนมอบแจกันดอกไม้จาก พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพล.อ.ประวิทย์ วงศ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม โดยมีภรรยาและบุตรของผู้บาดเจ็บเป็นผู้รับมอบ