ความคืบหน้าภายหลังจากที่ศาลฎีกายกคำร้องกรณีครูจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร ยื่นคำร้องขอรื้อคดีขึ้นพิจารณาใหม่ ในคดีขับรถชนคนตาย หลังติดคุกมานานกว่า2ปี โดยศาลให้เหตุผลว่า ไม่มีพยานหลักฐานใหม่ในการพิจารณา และพยานหลักฐานใหม่ที่ขึ้นมาสืบ ก็ไม่มีความน่าเชื่อถือ ล่าสุด ตำรวจกำลังพิจารณาเตรียมจะดำเนินคดีกับผู้ให้การและเบิกความเท็จ เบื้องต้น มีมากกว่า9คน
ในเรื่องดังกล่าว พลตำรวจตรีสุวิชาญ ญาณกิตติกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธร จังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า หลังทราบคำตัดสิน ก็ได้แจ้งผู้บังคับบัญชาทราบเป็นเบื้องต้นแล้ว ส่วนจะมีการดำเนินการอย่างไร ต้องรอคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาอีกครั้ง เบื้องต้น เตรียมจะดำเนินคดีกับผู้ให้การเท็จ ที่มีไม่ต่ำ กว่า 9 คน
ขณะที่ พันตำรวจเอกกฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ บอกว่า ที่ผ่านมา ผู้บังคับบัญชาได้รับรายงานและมีการตรวจสอบสำนวนการสอบสวนมาโดยตลอด ก็พบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา มีการรวบรวมพยานหลักฐานอย่างละเอียด และดำเนินการฟ้องผู้ต้องหาไปตามพยานหลักฐาน ไม่ได้มีการจับแพะหรือกลั่นแกล้งให้ผู้หนึ่งผู้ใดมารับโทษตามที่เป็นประเด็นแต่อย่างใด
ส่วนสาเหตุที่ศาลฎีกาได้ยกคำร้องการรื้อฟื้นคดีของครูจอมทรัพย์ในครั้งนี้ มีอยู่ 2 ประเด็นคือ พยานหลักฐานที่ครูจอมทรัพย์ได้นำสืบในช่วงวันที่ 8 กุมภาพันธ์ถึง 10 กุมภาพันธ์ ที่ผานมา ในช่วงของการรื้อฟื้นคดีทั้งพยานที่ได้จากการตรวจสอบรถยนต์ทะเบียน ค 56 สกลนคร รวมถึงพยานหลักฐานพยานบุคคลที่นำสืบในช่วง 3 วันที่ผ่านมา เป็นพยานหลักฐานเดิม แม้ก่อนหน้านี้ ผู้ร้องคือ ครูจอมทรัพย์จะนำนายสับ วาปี ซึ่งเป็นพยานรายสำคัญที่ทำให้ศาลอุทธรณ์ภาค 4 รับรื้อฟื้นคดี แต่หลังจากที่ศาลได้รื้อฟื้นคดีแล้ว ในวันสืบพยานฝ่ายผู้ร้องกลับไม่ได้นำตัวนายสับ วาปี ขึ้นเบิกความในชั้นศาล แม้ว่านายสับ วาปี จะเดินทางมาศาลในวันดังกล่าวก็ตาม
ขณะที่พยานบุคคลอื่นๆ ที่เห็นเหตุการณ์ โดยเฉพาะคำให้การของนางทัศนีย์ หาญพยัคฆ์ ในชั้นสอบสวน และการพิจารณาคดีของศาล 3 ครั้ง ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่ามีลักษณะที่ไม่น่าเชื่อถือ เพราะให้การวกวนและไม่เหมือนเดิมทั้ง 3 ครั้ง ในขณะที่พยานคนอื่น ก็ไม่ได้เข้าให้การกับพนักงานสอบสวนตั้งแต่ครั้งแรกในวันที่เกิดเหตุ แต่มาปรากฏตัวในภายหลัง ทำให้ไม่มีความน่าเชื่อถือ