“ตอนเกิดเหตุตกใจมาก ไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามีคนตายถึง 9 ศพ ไม่รวมผู้บาดเจ็บ ที่สำคัญก็คือ ทุกคนที่เสียชีวิตล้วนแล้วแต่เป็นบุคลากรสำคัญของชาติ แต่ต้องมาจบชีวิตลงเพราะเด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ไม่มีใบขับขี่ ทั้งๆที่ถูกเลี้ยงดูมาในราชสกุลซึ่งเป็นที่รู้จักของคนทั้งประเทศ”
นางสาวกันต์ปินัทธ์ สถิรกุล ทีมข่าวเจาะประเด็นไทยรัฐออนไลน์ อดีตผู้สื่อข่าวสำนักข่าวเดอะเนชั่น เนชั่นทีวี และนสพ.คมชัดลึก เปิดใจกับทีมข่าวไบรท์ทูเดย์ ถึงเหตุการณ์เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2553 ขณะนั้นเธอได้รับมอบหมายให้ไปทำข่าวอุบัติเหตุบนทางด่วนโทลล์เวย์ รถยนต์ส่วนบุคคลชนรถตู้โดยสาร เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตรวม 9 ศพ โดยมี นางสาวแพรวา เทพหัสดิน ณ อยุธยา เป็นผู้ต้องหา
“ถ้าให้เล่ารายละเอียดทุกอย่างน่าจะจำไม่ได้หมดค่ะ เพราะ 9 ปีผ่านมาแล้ว แต่หากถามว่าเหตุการณ์ลงพื้นที่ทำข่าวครั้งไหนสะเทือนใจที่สุด ก็ต้องบอกว่าครั้งนี้เพราะหลังจากรถยนต์ของแพรวา พุ่งชนรถตู้โดยสารก็ได้รับมอบหมายจากหัวหน้าให้ลงพื้นที่ไปทำข่าวทันทีด้วยความว่องไวของทีมงานเรา จึงทันได้เห็นเจ้าหน้าที่มูลนิธิมากกว่า 20 คน ช่วยกันเก็บร่างศพผู้เสียชีวิตมัดผ้าสีขาววางเรียงบนถนน ขณะนั้นร่างไร้วิญญาณของ ดร.ศาสตรา เช้าเที่ยง หรือ ดร.เป็ด นักวิทยาศาสตร์ประจำ สวทช. ที่เพิ่งจบการศึกษาปริญญาเอก จากประเทศอังกฤษ ห้อยโตงเตงอยู่บนสะพานลอย ท่ามกลางไทยมุงหลาย 10 ชีวิต ด้วยความแรงของการพุ่งชน เหวี่ยงดร.เป็ด ตกทางด่วนโทลล์เวย์มาอยู่ในสภาพดังกล่าว เห็นทีแรกก็ไม่รู้หรอกว่าเขาชื่ออะไรทำงานที่ไหน แต่รู้สึกได้ว่าอุบัติเหตุครั้งนี้มันรุนแรงมากๆ”
เธอบอกด้วยว่า เจ้าหน้าที่ต้องปิดถนนและใช้เวลานานพอสมควรกว่าจะเคลียร์พื้นที่และนำศพ ดร.เป็ด ลงมาได้ ท่ามกลางไทยมุงที่รอลุ้นกันนับร้อย ท้ายที่สุดร่างดร.เป็ด ก็ถูกนำมาวางเรียงแถวกับผู้เสียชีวิตที่คิดอยู่ในซากรถตู้
“ด้วยความที่อุบัติเหตุครั้งนั้นมันมีผู้เสียชีวิตถึง 9 คน รุ่งเช้าวันที่ 28 ธ.ค. 53 ทางหัวหน้าข่าวมอบหมายให้ดิฉันเลือกว่าจะไปติดตามเรื่องราวของเหยื่อผู้เสียชีวิตรายไหน ดิฉันก็ขอตามไปสัมภาษณ์แม่ของ ดร.เป็ด ในต่างจังหวัด ส่วนเพื่อนนักข่าวคนอื่นๆ ก็เลือกที่จะไปตามดูสภาพหลังการสูญเสียของอีก 8 ครอบครัว ซึ่งแน่นอนว่า ทุกศพล้วนแล้วมีการศึกษา มีโปรไฟล์ที่ดีน่าสนใจ เป็นมันสมองของชาติแทบทั้งสิ้น แต่ต้องมาจบชีวิตลง เพราะเหตุการณ์อุบัติเหตุครั้งนี้”
กระแสข่าวตอนเช้าวันที่ 28 ธ.ค. พุ่งเป้าโจมตีไปที่ภาพถ่ายของนางสาวแพรวา ที่กำลังยืนกดโทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อแบลคเบอรี่ หรือ BB เป็นเหตุให้เธอถูกครหาว่า ไม่รู้สึกสลดใจหรือสำนึกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนั้น
“เธอโดนโจมตีอยู่หลายวัน แล้วก็มีภาพนั่งรถเข็นออกมาให้ข่าว ยกมือไหว้ขอโทษญาติผู้สูญเสีย นั่นคือความเคลื่อนไหวฝั่งของแพรวา ส่วนตัวดิฉันเองมุ่งหน้าไปพูดคุยกับคุณแม่ของ ดร.เป็ด อาจจะจำรายละเอียดในวันนั้นไม่ได้มาก แต่ทราบว่า ดร.เป็ด เป็นเด็กสู้ชีวิต แม่ที่เลี้ยงอยู่ก็ไม่ใช่แม่แท้ๆของเขา แต่ต้องร้อยพวงมาลัยดอกมะลิขาย เลี้ยงดูส่งเสียให้เรียน ด้วยความที่ดร.เป็ด เป็นเด็ก ขยัน ใฝ่ดี สอบชิงทุนไปเรียนประเทศอังกฤษได้ สุดท้ายพอเรียนจบกลับไทย ก็ต้องมาจบชีวิต ไม่ได้ทดแทนบุญคุณแม่ของเค้าที่เลี้ยงมา”
ในวันนั้นสังคมเชื่อว่า ครอบครัวแพรวาซึ่งเป็นถึงราชสกุลดัง น่าจะมีเงินชดใช้เยียวยาผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตทุกราย เพราะเขารวยท้ายที่สุดข่าวคราวก็ค่อยๆเงียบหายไป และปะทุดังขึ้นเป็นระยะ ในด้านรูปคดี โดยการตัดสินของศาลชั้นต่างๆในรอบ 9 ปีที่ผ่านมา แต่ไม่ได้รุนแรงเหมือนครั้งนี้
“บอกตรงๆคือหลังจากวันนั้นจนวันนี้ไม่รู้เลยว่าแพรวา และครอบครัวได้ชดใช้เยียวยาให้เหยื่อแล้วหรือยัง แต่ลึกๆแอบคิดว่ามันน่าจะจบลงไปแล้ว เขาชดใช้ค่าเสียหายแล้ว แค่รอศาลตัดสิน จนมาวันนี้ผ่านมา 9 ปีถึงได้รู้ว่า ญาติผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตยังรอการช่วยเหลือมาตลอด โดยที่ทางครอบครัวแพรวา ประวิงเวลาให้ศาลตัดสิน”
9 ปีผ่านไป ไม่ได้ทำให้คนในสังคมไทย ลืมเรื่องอุบัติเหตุเลวร้ายครั้งนั้นได้เลย สังเกตจากการที่คนไทยสามัคคีกันคอมเมนต์ข้อความแสดงความคิดเห็นในเพจต่างๆ ครั้งนี้ไม่ได้มีใครเอาเรื่องการเมืองมาด่ากัน หรือแบ่งฝ่ายเลือกข้างเหมือนการคอมเมนต์เกือบทุกๆข่าวในรอบปีที่ผ่านมา แต่กระแสพุ่งเป้า สามัคคีกันแสดงความคิดเห็นและตำหนิแพรวา กับครอบครัว โดยพร้อมเพรียงกัน
“ไม่ได้เห็นคนไทย ในโลกโซเชียลนึกคิดอะไรไปในทางเดียวกันมานานมาก ปกติจะมีทะเลาะกันเอง เถียงกันไปมาเรื่องการเมือง หรือถึงแม้ว่าไม่ใช่เรื่องการเมืองก็ลากเข้ามาเกี่ยวจนได้ก็มี แต่ครั้งนี้ เหมือนจะเห็นพ้องต้องกัน แล้วก็โพสต์ไปในทิศทางเดียวกันเรื่องการแสดงความรับผิดชอบของครอบครัวแพรวา ทำให้เห็นว่า คนไทยรักในความถูกต้อง และมีความประสงค์ที่จะเรียกร้องความเป็นธรรมให้แก่เหยื่อ”
สงสารครอบครัวผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ เมื่อวันนี้ครอบครัวของแพรวา ตระกูลของเขามีต้นทุนที่ดีกว่าหลายๆครอบครัวในสังคมไทย ก็อยากจะให้ออกมาแสดงความรับผิดชอบ เยียวยาดูแลเหยื่อให้เต็มที่ มีมาก มีน้อย ก็ควรแสดงความรับผิดชอบกับการกระทำที่ก่อไว้ เพื่อที่สังคมจะได้ไม่ต้องลากสาวไส้พาดพิงไปถึงต้นตระกูล
“แต่เท่าที่ทราบจากปากเหยื่อคือ หลังเกิดเหตุคู่กรณีมาร่วมงานศพแค่วันเดียว หลังจากนั้นก็ไม่ติดต่อมาอีกเลย แม้ว่าศาลจะตัดสินแล้วก็ไม่มีการติดต่อกลับมา กระทั่งเห็นอีกทีเมื่อเย็นวานนี้จากการแถลงข่าวและ ราชสกุลมอบเงิน 5 แสนบาท ช่วยเยียวยาครอบครัวเหยื่อ”
เธอกล่าวทิ้งท้ายว่า ถ้าถามว่าในฐานะสื่อมวลชน คิดว่าการนำไปสู่การหาทางออกกรณีแพรวา 9 ศพ ควรไปในทิศทางใด น่าจะอยู่ที่จิตสำนึกของครอบครัวแพรวาเอง ที่จะหาทางออกได้ดีที่สุด ต่อให้โซเชียลออกมากดดัน รุมเสียบประจาน หรือด่าครอบครัวเขามันก็ไร้ประโยชน์
“หากทางครอบครัววางตัวอยู่เหนือกระแส และไม่รับผิดชอบตามที่ศาลบังคับตัดสิน อันนี้ตอบไม่ได้เลยจริงๆว่าจะจบลงอย่างไร แต่ก็ขอเอาใจช่วยให้ไกล่เกลี่ยลงตัว หาเงินมาชดใช้ความสูญเสียที่เกิดขึ้น ต่างคนต่างอโหสิกรรมให้กัน คงน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด” น.ส.กันต์ปินัทธ์ สถิรกุล กล่าวทิ้งท้าย
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
แม่แพรวา ลั่นขายที่ดินชดใช้เหยื่อ ลูกทุกข์หนักป่วยซึมเศร้า-เลิกสามี
ชาวเน็ตตามหาคนหาย #แพรวาหายไปไหน 9ปีไม่เคยเยียวยา
เปิดใจ แม่ ดร.เป็ด เหยื่อแพรวา 9 ศพ ร้อยมาลัยเฝ้ารอชดใช้
อ่านข่าว Bright today