เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI นำตัว นายพิสิฐชัย สว่างวัฒนากร พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กองคดีภาษีอากร ที่ก่อนหน้านี้ โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัวเกี่ยวกับการเตรียมเอาผิดกับเจ้าอาวาสวัดดังหลายแห่ง เข้ามาสอบปากคำที่ กองปราบปราม ตั้งแต่ช่วงบ่าย หลังสอบปากคำ นานกว่า 3 ชั่วโมง ตำรวจก็แจ้งข้อหาความผิดตาม พรบ.คอมพิวเตอร์
ผู้ที่นำตัวนายพิสิฐชัยมาส่งให้กองปราบ นำโดย พันตำรวจโทกรวัชร์ ปานประภากร รองอธิบดี ดีเอสไอ และพันตำรวจตรีวรณัน ศรีล้ำ รองโฆษกดีเอสไอ นำตัวนายพิสิฐชัย เข้ารับทราบข้อกล่าวหา พระราชบัญญัติ ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ หลังจากที่โพสต์เฟชบุ๊คส่วนตัว จะมีการดำเนินคดีกับเจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ วัดพิชยญาติการาม วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร และวัดราชสิทธิธารามราชวรวิหาร ที่เกี่ยวข้องกับคดีเงินทอนวัด จนสร้างความสับสนให้กับสังคมและแวดวงพระสงฆ์ เพราะเจ้าอาวาสทั้ง 4 วัดล้วนแต่เป็นพระมหาเถระผู้ใหญ่ชั้นสมเด็จ โดยสำนักพระพุทธศาสนา แห่งชาติ ได้แจ้งความตามพรบ.คอมพิวเตอร์ ไว้ก่อนหน้านี้แล้ว
พันตำรวจโทกรวัชร์ให้สัมภาษษณ์กับสื่อหลังสอบปากคำนายพิสิฐชัย ว่า ดำเนินคดีนายพิสิฐชัย ความผิดพ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ เพียงข้อหาเดียว ซึ่งนายพิสิฐชัย ก็ยอมรับว่า เป็นผู้โพสต์ข้อความจริง แต่เป็นความคิดเห็นส่วนตัว ไม่เกี่ยวข้องกับหน่วยงาน จากนี้ ได้ย้ายนายพิสิฐชัยให้พ้นจากตำแหน่ง เพื่อให้สะดวกต่อการตรวจสอบ
สำรวจเฟซบุ๊คพิสิฐชัย เลือกข้างหรือไม่
ย้อนไปดูการโพสเฟซบุ๊คของนายพิสิฐชัยในช่วงที่ผ่านมา พบว่ามีการโพสต์ข้อความที่น่าสนใจ วันที่ 14 มกราคม โพสต์ข้อความ “ผมมีปัญหาเพราะเป็นพวกพระ ครับผมเป็นพวกพระพุทธเจ้า ซึ่งผมยินดีมาก และจะไม่ขอเปลียนแน่นอน จะไม่เจริญก้าวหน้าก็ไม่เป็นไร ตายเป็นตาย”
ต่อมา วันที่ 28 มกราคม โพสต์ข้อความ “พุทธศาสนาเดือดร้อน ลุกเป็นไฟ กรรมนี้ใครก่อ หลวงพี่ หลวงพ่อต้องคดี ทุกข์เดือดร้อน ความเป็นธรรมหดหาย ทุกข์เศร้าหมอง คนพุทธตีกัน วุ่นวายไปหมด คนรับผิดชอบ ได้ดีเสวยสุข งานการทำไม่เป็น ได้เป็นใหญ่ ฉิบ … แน่ คราวนี้”
วันที่18กุมภาพันธ์ โพสต์ข้อความ “คนมีทั้ง ดีและไม่ดี พระมีทั้งดีและไม่ดี การตรวจสอบพระที่ไม่ดีจึงเข้มข้น ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศนี้สนับสนุน และเป็นอาหารอันโอชะของฝ่ายตรวจสอบที่แสวงหาความดัง พระดังๆ ใหญ่ๆ ที่เป็นอลัชชีหรือไม่ดี ยังรอคิว ถูกเขาเชือด แค่เริ่มต้น ยังมีอีกมาก แต่ก็ขอสนับสนุนพระดี และในวันที่22กุมภาพันธ์ นายพิสิฐชัย โพสต์ ประวัติอดีตพระพรหมเมธี ระบุว่า “ในโอกาสอายุมงคลวัฒนะ 77 ปี พระพรหมเมธี
หากดูจากประวัติการโพสเฟซบุ๊คแล้ว นายพิสิฐชัยน่าจะสนิทสนมกับอดีตพระชั้นผู้ใหญ่เป็นอย่างดี นอกจากนี้ นายพิสิฐชัยยังเคยเป็น1ในตัวเลือกให้ดำรงตำแหน่ง ผู้อำนวยการสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติอีกด้วย ก่อนที่จะกลายมาเป็นพันตำรวจโทพงพร พราหมเสนห์ ในปัจจุบัน แต่นายพิสิฐชัย ก็ยังมีความใกล้ชิดกับคณะสงฆ์จากมหาเถรสมาคม หรือ มส.ให้เป็นคณะอนุกรรมการรวบรวมข้อมูลข่าวสารของ มส.ด้วย