“3 พรรค” ประชันนโยบายช่วย “เอสเอ็มอี” เห็นพ้องแก้ปมบริษัทใหญ่ “ผูกขาด” ก่อน

“3 พรรค” ดีเบตนโยบายช่วยเหลือ “เอสเอ็มอี” เห็นตรงกันต้องลดอำนาจผูกขาดบริษัทขนาดใหญ่ เปิดทางธุรกิจรายเล็กมีช่องทางโต ด้าน “ทษช.” หนุนคนรุ่นใหม่สร้างธุรกิจ “ยูนิคอน” ปชป.เสนอตั้งสภาธุรกิจเอสเอ็มอี เป็นปากเป็นเสียงให้เอสเอ็มอีนับล้านราย ขณะที่พรรค “ภราดรภาพ” ชูดึงเงินธุรกิจร่ำรวยเยียวยาเอสเอ็มอีที่ได้รับผลกระทบ

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ ประธานคณะทำงานเศรษฐกิจ พรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) กล่าวบนเวทีดีเบต : “ค้าขายฝืดเคือง ร้านค้า แม่ค้า กำลังจะตาย?” ในรายการ “ทุบประเด็น” สถานีโทรทัศน์ไบรท์ทีวีช่อง 20 เมื่อคืนวันที่ 6 มี.ค. ว่า สถานการณ์เศรษฐกิจที่แย่มาตลอดในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา ทำให้รายได้ของคนทั่วไปน้อยลง และยังเกิดภาวะรวยกระจุกจนกระจาย ส่งผลให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีได้รับผลกระทบอย่างมาก เพราะรายได้ของเอสเอ็มอีส่วนใหญ่มาจากการบริโภคของคนในประเทศ

“การลงทุนจากต่างประเทศที่หายไป เพราะความเชื่อมั่นไม่มี เนื่องจากไทยยังไม่เป็นประชาธิปไตยและรัฐบาลไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง การที่ไทยไม่สามารถเจรจาการค้ากับต่างประเทศได้ และผลจากการที่ประชาธิปไตยไทยเดินหน้าและถอยหลัง ทำให้ 10 ที่ผ่านมาเศรษฐกิจไทยเติบโตเฉลี่ยเพียงปีละ 3% หรือมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจต่ำที่สุดในอาเซียน ซึ่งส่งผลกระทบต่อภาคส่งออก ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี รวมถึงพ่อค้าแม่ค้าทั่วไป”นายพิชัยกล่าว

พิชัย นริพทะพันธุ์

นายพิชัย กล่าวว่า สำหรับนโยบายช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีและพ่อค้าแม่ค้าให้อยู่ได้นั้น สิ่งแรกที่พรรค ทษช.จะทำ คือ การแก้ปัญหาการผูกขาดของบริษัทขนาดใหญ่ เพราะเป็นจุดสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจข้างล่างโตไม่ได้ และประเทศอื่นๆ ก็ไม่ได้อนุญาตให้บริษัทขนาดใหญ่ทำทุกอย่างเหมือนอย่างในประเทศไทย ที่สำคัญการแก้ปัญหาผูกขาดของบริษัทขนาดใหญ่ จะทำให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่เป็นคนรุ่นใหม่มีโอกาสในการเติบโตได้มากขึ้น

“ถ้าเราแก้ปัญหาการผูกขาดของบริษัทขนาดใหญ่ได้ ตรงนี้จะทำให้ข้างล่างโตขึ้นมาได้ โอกาสที่ธุรกิจขนาดเล็กจะโตเป็นระดับกลาง และระดับกลางจะโตเป็นระดับสูง จะกระจายได้ดี นี่คือสิ่งที่เราอยากเห็น”นายพิชัยกล่าว

ขณะเดียวกัน ทษช.มีนโยบายจะสนับสนุนให้คนไทยรุ่นใหม่สร้างบริษัทเทคโนโลยี และธุรกิจยูนิคอนเช่นเดียวกันในหลายประเทศ โดยจะสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการสร้างธุรกิจ เช่น สร้างศูนย์กลางที่จะมีการพบปะแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ในการสร้างธุรกิจยูนิคอน หรือระดมสมองในการพัฒนาธุรกิจ แก้ระเบียบกฎหมายที่เป็นอุปสรรค กำหนดมาตรการภาษีและมีแหล่งเงินทุนเพื่อสนับสนุนธุรกิจประเภทนี้

นายอนุชา บูรพชัยศรี ผู้สมัคร ส.ส. เขต 4 พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวว่า แม้ว่าการส่งออกและเศรษฐกิจไทยในขณะนี้จะยังเติบโตต่อเนื่อง แต่ปรากฏว่าคน 80-90% บอกว่าเศรษฐกิจไม่ดี ความเหลื่อมล้ำยังอยู่ในระดับสูง โดยสินทรัพย์ส่วนใหญ่ของประเทศตกอยู่กับคนจำนวนไม่มาก และจะเห็นได้ว่าเมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา คนเรียกร้องให้มีการปฏิรูปในด้านต่างๆ โดยเฉพาะปฏิรูปด้านเศรษฐกิจและการกระจายรายได้ เพราะไม่อยากเห็นบริษัทยักษ์ใหญ่โตอย่างเดียว

ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่ายุคคสช.เป็นยุคที่บริษัทยักษ์ใหญ่ได้ประโยชน์จากการเติบโตของเศรษฐกิจมากกว่ากลุ่มอื่นๆ ส่งผลให้เกิดสถานการณ์รวยกระจุกจนกระจายเพิ่มขึ้น เพราะคนรวยมีโอกาสหารายได้อย่างเป็นกอบเป็นกำมากขึ้น

“ที่ผ่านมาเราพูดถึงยุทธศาสตร์ชาติ ก็ต้องไปดูว่าคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติมีใครบ้าง โดยจะเห็นว่ามีตัวแทนของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และตัวแทนสถาบันการเงิน ซึ่งบริษัทยักษ์ใหญ่จะส่งตัวแทนเข้าไปนั่งในสภาเหล่านี้ ส่งผลให้แนวคิดในการพัฒนาชาติจะเป็นเรื่องการเร่งจีดีพี เร่งการส่งออก ทำให้เราลืมไปว่ามีเอสเอ็มอีอยู่ด้วย และเงินไม่ได้ตกไปถึงเขา”นายอนุชากล่าว

อนุชา บูรพชัยศรี

สำหรับนโยบายสนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอี นายอนุชา กล่าวว่า พรรคปชป.จะเน้นการกระจายอำนาจควบคู่กับนโยบายกระจายรายได้ เพื่อให้ธุรกิจเอสเอ็มอีเติบโตได้ในท้องถิ่นและภูมิภาค ไม่ใช่มากระจุกตัวในกรุงเทพ พร้อมทั้งสร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการในการเรียนรู้ เข้าถึงโอกาสในการประกอบธุรกิจ ไม่ต้องวิ่งเข้ามาหาลูกค้าในกรุงเทพ ตลอดจนปรับปรุงกฎหมายเพื่อลดการผูกขาดทุนธุรกิจขนาดใหญ่

“ยกตัวอย่างเช่น ตอนที่มีข่าวว่าบริษัทน้ำมันใหญ่จะเปิดร้านกาแฟในปั๊มทุกที่ทั่วประเทศ ผู้ใหญ่ในพรรคเห็นว่าการทำตรงนี้ ไม่สอดคล้องกันนโยบายของพรรคปชป. เพราะไม่ทำให้เกิดการกระจายรายได้ และจะทำให้ร้านค้าที่อยู่ในบริเวณปั๊มน้ำมันอยู่ไม่ได้ เราจึงทำหนังสือโต้แย้งไม่เห็นด้วย แต่ไม่ใช่แค่กาแฟยังมีเรื่องอื่นๆอีก เช่น ร้านวัสดุก่อสร้าง ซึ่งไม่ควรให้บริษัทใหญ่ๆเข้ามาครอบงำ โดยเราจะปรับปรุงกฎหมายเพื่อแก้การผูกขาดตรงนี้”นายอนุชากล่าว

นอกจากนี้ หากพรรคปชป.ได้เป็นรัฐบาลจะสนับสนุนให้มีการจัดตั้งสภาธุรกิจเอสเอ็มอี เพื่อให้ธุรกิจเอสเอ็มอีมีช่องทางที่จะเสนอนโยบายที่เป็นประโยชน์แก่เอสเอ็มอีในภาพรวมซึ่งมีนับล้านราย และให้ตัวแทนสภาเอสเอ็มอีเข้าไปเป็นตัวแทนในการออกกฎหมายด้วย

ร.อ.รชฏ พิสิษฐบรรณกร ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ พรรคภราดรภาพ ระบุว่า ประเทศไทยมีแผนพัฒนาเศรษฐกิจไม่รู้กี่เล่ม มีกฎหมายไม่รู้กี่ฉบับ แต่ไม่มีการบังคับใช้ หากพรรคภราดรภาพเข้ามาเป็นรัฐบาลจะแก้ปัญหาเรื่องความเสมอภาคและความเท่าเทียมในการบังคับใช้กฎหมาย กฎระเบียบ โดยเฉพาะกฎหมายแข่งขันทางการค้า เพื่อให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีมีโอกาสเติบโต รวมทั้งมีมาตรการเยียวยาเอสเอ็มอีที่ได้รับผลกระทบจากธุรกิจขนาดใหญ่ด้วย

“การช่วยเหลือเอสเอ็มอี มีหน่วยงานที่เข้าไปช่วยเหลือเต็มไปหมด แต่ทำอย่างไรให้มีระบบวันสต็อปเซอร์วิส เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมเอสเอ็มอี รวมถึงการเอาเงินคนรวยมาช่วยธุรกิจที่เสียหาย และบังคับใช้มาตรการกำกับดูแลธุรกิจที่ผูกขาด”ร.อ.รชฏกล่าว

ร.อ.รชฏ พิสิษฐบรรณกร
ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า