ผู้บังคับบัญชา แถลง ตำรวจ 1 ใน 2 ราย เข้าข่ายทำผิดมาตรา 157 แต่พยานหลักฐานยังไม่เพียงพอ จะกล่าวโทษคดี พรบ.อุ้มหาย
จากกรณีที่มีคลิปเสียงเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสถานีตำรวจภูธรอรัญประเทศ มีการบังคับขู่เข็ญให้นายปัญญา หรือ ลุงเปี๊ยก รับสารภาพในคดีฆาตกรรมนางสาวบัวผัน ตามที่ตำรวจภูตรภาค 2 มีคำสั่งที่ 14/2567 ลงวันที่ 17 ม.ค.67 แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงให้เสร็จสิ้นภายใน 3 วัน นั้น
วันที่ 20 มกราคม 2567 พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผบช.ภ.2 แถลง ผลการตรวสอบข้อเท็จจริง ในกรณีคลิปเสียงของเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.อรัญประเทศ มีการบังคับนายปัญญา หรือ ลุงเปี๊ยก รับสารภาพในคดี ฆาตรรรมป้าบัวผัน ผลการสืบสวนข้อเท็จจริง การจากตรวจสอบมีข้าราชการตำรวจ สภ.อรัญประเทศ จำนวน 2 นาย เข้าข่ายกระทำความผิดวินัยตำรวจ ตามพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2560 และ 1 ใน 2 นายนี้ ทำความผิดเข้าข่ายตามประมวลกฎหมายอาญา ม.157 ในส่วนความผิดตาม พรบ.ป้องกันและปราบปรามการทรมาน พ.ศ. 2565 พยานหลักฐานยังไม่เพียงพอที่จะกล่าวโทษได้
ตร.ภูธร ภาค 2 จึงมีคำสั่งส่งสำนวนการตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ทางพนักงานสอบสวน ทำการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมต่อ หากพบว่ามีการทำผิด จะได้ดำเนินการกล่าวโทษ และดำเนินคดรต่อตำรวจท่านนั้น ขอเรียนว่า จะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และขอให้ประชาชนได้โปรดมั่นใจในการปฎิบัติงานของเจ้าหน้าที่

ดาบเศก ที่มีการกล่าวหาว่ากระทำความผิด จากการตรวจสอบของคณะกรรมการ ซึ่งระยะเวลาในการตรวจสอบ 3 วัน เขาให้การปฏิเสธ แต่เรารวบรวมพยานหลักฐานแล้วเชื่อว่ามีการทำความผิด ซึ่งในวันนี้ รวบรวมคำร้องทุกข์ก็ต้องเรียกดาบเศกมา แล้วดำเนินการตามกฎหมาย
ทั้งนี้ นักข่าวถามต่ออีกว่าในเรื่องของการแก้ปัญหาเยาวชน เพราะบางรายเที่ยวกันจริง แต่ไม่ได้ร่วมก่อเหตุ ด้านพล.ต.ท. สมประสงค์กล่าวว่า อย่างแรกบอกเลยว่าผู้ปกครองดูแลลูกตัวเองก่อนเลย หมอเขาบอกแล้วว่าวัยไหนควรนอนควรเรียน เขาบอกหมด เพราะฉะนั้นพี่น้องประชาชนควรดูแลบุตรหลานตัวเองก่อน ส่วนจะนำเรื่องกลุ่มแก๊งมาดำเนินคดีขึ้นกับว่าจะมีการตรวจสอบว่าเกี่ยวข้องหรือไม่